นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ศิครินทร์ (SKR) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนไข้ทั่วไปหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ประกันตนในเครือโรงพยาบาลศิครินทร์ และการดำเนินการโครงการภาครัฐต่าง ๆ เช่น การให้บริการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ด้วยวิธี ATK และ ออกใบรับรองแพทย์สำหรับแรงงานต่างด้าว สำหรับศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of identity: CI)
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1/65 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,752.27 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 997.86 ล้านบาท หรือเติบโต 75.60% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 997.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 381.72 ล้านบาท หรือเติบโต 304% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ทำไว้ 94.53 ล้านบาท
ผลประกอบการไตรมาส 1/65 เติบโตโดดเด่น ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ มีปัจจัยสนับสนุนมาจากบริษัทมีปริมาณการรักษาพยาบาลของกลุ่มคนไข้รักษาโรคซับซ้อนด้วยการผ่าตัด รวมถึงกลุ่มผู้เข้ารับบริการโดยใช้สิทธิประกันสังคม การบริหารจัดการคนไข้ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้น และบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่ารักษาพยาบาลลดลง โดยสัดส่วนของต้นทุนไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 61.19% ลดลง 7.24% จาก 68.43% ในไตรมาส 1/64
นายสุริยันต์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนการพัฒนาโครงการ "โรงพยาบาลเคลื่อนที่ (Mobile Hospital)" เพื่อรองรับฐานลูกค้ากลุ่มบริษัทคู่สัญญาและกลุ่มลูกค้าประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น ในปัจจุบันเครือโรงพยาบาลศิครินทร์ มีฐานผู้ประกันสังคมตามโควต้า อยู่ที่ประมาณ 500,000 ราย โดยโรงพยาบาลเคลื่อนที่จะเน้นการส่งเสริมสุขภาพตามนโยบาย Healthy Thailand ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เช่น การทำฟัน การตรวจสุขภาพประจำปี ทั้งนี้ แผนดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มดำเนินการช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง
ขณะที่การพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ เป็นสิ่งที่เครือโรงพยาบาลศิครินทร์ให้ความสำคัญและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมกันนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยกันได้แบบ Real-time หรือ Telemedicine เข้ามาใช้งาน โดยมีการเริ่มใช้งานในบริษัทคู่สัญญากับเครือโรงพยาบาลศิครินทร์ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวแพลตฟอร์มดังกล่าวในไตรมาส 3/65
ด้าน BeBetter Wellness Center เตรียมต่อยอดธุรกิจสุขภาพดี โดยเน้นให้บริการผ่านบริการ Health Delivery เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ซึ่งบริการดังกล่าวถือเป็นการสร้างความหลากหลายให้กับรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
สำหรับธุรกิจ Non-Hospital ในปี 65 บริษัทวางแผนการออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าศิครินทร์ รวมถึงการพัฒนาที่ดินบนสัญญาเช่าระยะยาว 25 ปีภายใต้โครงการ Medical Complex ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3/65
"รายได้รวมปี 65 ทาง SKR มั่นใจว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ โดยเน้นเติบโตจากรายได้ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มสวัสดิการภาครัฐ กลุ่มงานโครงการภาครัฐ และกลุ่มบริหารจัดการ Covid ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นสร้างความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลด้วยมาตรฐานสากลระดับโลกและการบริการที่เป็นเลิศ ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ "Sikarin" ให้เป็นที่ยอมรับจากลูกค้า ภายใต้แนวคิด "ศิครินทร์ เคียงข้างคุณ" สำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต"นายสุริยันต์ กล่าว