นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายในไตรมาส 2/65 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/65 ที่อยู่ที่ 590 ล้านบาท ตามการเติบโตของทุกธุรกิจ หลังมีคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) เข้ามาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น IC & ADV PACKAGING, PCBA & BOX BUILD, OPTICS
ปัจจุบันบริษัทมีออร์เดอร์ในมือรวมประมาณ 2,400-2,500 ล้านบาท และคาดว่าจะยังเห็นออร์เดอร์ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมที่ขยายตัว ส่วนราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกลับมาอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นแล้ว
บริษัทเดินหน้าผลิตออร์เดอร์ใหม่ ได้แก่ Power Module, Rack Amplifier และ High Speed Datalink คาดว่าจะทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีกว่าไตรมาส 1/65 ที่ทำได้ในระดับ 20.1% รวมถึงยังได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนส่งออก 100% และได้ทำประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้รองรับช่วงขาลงอีกด้วย ส่วนเรื่องต้นทุนค่าขนส่ง และปัญหาเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืนยันว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ
ขณะที่ภาพรวมทั้งปีบริษัทยังคงเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตมากกว่า 30% และรักษาอัตรากำไรขั้นไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี โดยคาดรายได้จากการขายจะเติบโตแตะ 3.3 พันล้านบาท จากปี 64 ที่อยู่ที่ 2,183 ล้านบาท แบ่งเป็น IC & ADV PACKAGING ราว 38%, PCBA & BOX BUILD ราว 29% และ OPTICS 33% เป็นไปตามการขยายฐานลูกค้าและตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาบริษัทได้เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่และเตรียมจะเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอีก รวมคิดเป็นจำนวน 15 ราย มูลค่าราว 4,500 ล้านบาท และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันมองแนวโน้มครึ่งปีหลังนี้ ก็เริ่มเห็นสัญญาณบวกดีขึ้น โดยเฉพาะคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนงบลงทุนในปีนี้จะใช้ไม่เกิน 50 ล้านบาท ในการลงทุนธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตธุรกิจหลัก เป็นต้น โดยความคืบหน้าของการเข้าลงทุนธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงทุนเครื่องขุดบิทคอยน์จำนวนเท่าใด แต่เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนไม่เกิน 200 เครื่องที่สามารถจัดซื้อมาได้ถูกกว่าราคาตลาดทั่วไป น่าจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในสิ้นปี 65 สัดส่วนรายได้ราว 1% ของพอร์ตรวม และในอนาคตอาจมีการพิจารณาขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น การเป็นผู้ผลิตเครื่องขุดบิทคอยน์ และจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ขึ้นในระดับที่เหมาะสมต่อไป หากมีผลตอบแทนที่ดีตามที่คาดหวังไว้