นางแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 338.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.33% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 202.57 ล้านบาท
สาเหตุหลักจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV Farm) ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โครงการ ฮานามิซึกิ (Hanamizuki) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งและตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 18.1 เมกะวัตต์ และ 13.5 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ให้แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงจาก 2.10 เท่า เหลือ 1.92 เท่า และเสริมความมั่นคงให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อให้บริษัทมีเงินทุนสำหรับการพิจารณาการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเข้าลงทุนในระหว่างปีนี้
ในไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า) จำนวน 514.55 ล้านบาท ลดลง 8.24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 560.78 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ลดลงเป็นผลสืบเนื่องมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม จำนวน 21.74 เมกะวัตต์ ซึ่งจำหน่ายไประหว่างไตรมาส 3/64 และไตรมาส 1/65
อย่างไรก็ดี บริษัทมีต้นทุนขายและบริการลดลงเหลือ 231.52 ล้านบาท ลดลง 14.19% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 269.81 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนการผลิตของโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30.94% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 27.36%