นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 บริษัทสร้างการเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญความท้าทายทางธุรกิจ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฯ
อนึ่ง PRM แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 273.81 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 400.29 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.16 บาท
ในไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 1.47 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% และกำไรสุทธิ 302.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ปัจจัยมาจากพอร์ตกองเรือหลากหลายและมีความแข็งแกร่ง โดยกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศมีอัตราขยายตัวได้อย่างโดดเด่น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมทางทะเล (FSU) ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
บริษัทยังบริหารจัดการโดยเน้นความยืดหยุ่นเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ รับกับปัจจัยเชิงบวกที่ภาครัฐมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเครื่องบิน Jet A1 ผนวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ความต้องการใช้เรือในกลุ่มธุรกิจ FSU เพิ่มขึ้น เป็นผลให้อัตราการใช้เรือโดยรวมดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตตามแผน
"เราประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 เป็นอย่างดี อันเป็นผลจากการบริหารพอร์ตกองเรือซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ รวมถึงการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นและสนับสนุนให้ผลงานของเราเติบโตได้ดี สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้เป็นอย่างดี" นายวิริทธิ์พล กล่าว
แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตที่ดีได้ เห็นได้จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีและการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของ PRM ในทุกกลุ่มธุรกิจ และจะรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
โดยกลุ่มธุรกิจ Offshore จะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาช่วยผลักดันการขยายตัวต่อจากนี้ หลังเข้ารับงานให้บริการเรือ Crew Boat เพิ่มเติมจำนวน 9 ลำ แก่ ปตท.สผ. ด้วยสัญญาระยะยาว 5 ปี ซึ่งเมื่อรวมกับที่ให้บริการอยู่แล้วจำนวน 4 ลำ จะทำให้อัตราการใช้เรือ Crew Boat จำนวนทั้งสิ้น 13 ลำ เต็ม 100% ตั้งแต่กลางไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป ที่จะสนับสนุนเป้าหมายทั้งปีให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้