"ในช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทมีการเติบโตค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อในสหรัฐที่เร่งตัวขึ้น ภาวะสงคราม ต้นทุนด้านวัตถุดิบ และอีกหลายๆปัจจัย เราจึงยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 10% "นายสมชาย กล่าว
SNC แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 277 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.76 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 148.27 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.52 บาท
นายสมชาย กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทได้รับปัจจัยหนุนหลักจากตลาดสหรัฐที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ และรถยนต์ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ Toolbox ที่ยังมีคำสั่งซื้อจากสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน่ช่วงที่ผ่านมา และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตของบริษัทด้วย
ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มเป็น 3 ล้านเครื่อง จากปีก่อนที่ 2 ล้านเครื่อง และเตรียมพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4 ล้านเครื่องในปี 66 ส่วนของสายการผลิตกลุ่มโทรทัศน์ ก็จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 3.5 แสนเครื่อง จากปีก่อนหน้าที่มีกำลังการผลิต 3 แสนเครื่อง
สำหรับมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ของประเทศจีนเพื่อที่จะสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าในเมืองอื่นๆที่ไม่ได้มีการ Lockdown แต่ในระยะถัดไปหากในเมืองที่มีลูกค้าของบริษัทอยู่ใช้มาตรการ Lockdown บริษัทก็ได้เตรียมแผนเจรจากับลูกค้าและผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันได้ว่าจะไม่มีผลกระทบจนถึงขั้นหยุดสายการผลิตแน่นอน
ส่วนปัญหาราคาวัตถุดิบที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก และค่าขนส่งที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงนั้น บริษัทไม่มีความกังวล เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวมากนัก เนื่องจากบริษัทได้มีการเจรจากับลูกค้าในรูปแบบของการคำนวนค่าต้นทุน และ บวกค่าบริการเป็นส่วนใหญ่ไปแล้ว