นายเกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท (MCOT) เปิดเผยว่า ทิศทางการบริหารคอนเทนท์ของ อสมท ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอรายการข่าว สาระ ภายใต้แนวคิด 2022, The year of Trusted News
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจภายหลังจาก อสมท ชนะประมูลคลื่นความถี่วิทยุในระบบเอฟเอ็ม รวมจำนวน 47 คลื่น แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 6 คลื่น และภูมิภาค จำนวน 41 คลื่น ซึ่งถือเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ระดับชาติ เนื่องจากมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ (Network Coverage Area) ทุกภูมิภาค เริ่มใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 มีระยะเวลา 7 ปี เดินหน้าตอกย้ำผู้นำธุรกิจวิทยุที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละคลื่นวิทยุที่ บมจ.อสมท บริหารมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของทุก Segment เช่น FM 95 ลูกทุ่งมหานคร เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังเร่งเติมรายได้จากการจัดอีเวนท์ ซึ่งที่ผ่านมาชะลอตัวจากสถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่าธุรกิจวิทยุยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพียงแต่ต้องหาโมเดลการสร้างรายได้ที่เหมาะสม พร้อมกับการขยายช่องทางการรับฟังผ่านออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ผู้ชมและโฆษณา อย่างเช่น Mellow Pop แพลตฟอร์มเพลงอันดับ 1 สายติ่ง สายไอดอล มุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่น สร้าง Community ให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ มั่นใจผลการดำเนินงานปี 65 จะเติบโตดีกว่าปี 64 จากแผนเร่งสร้างรายได้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม จำนวน 307 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิทัลภาคพื้นดิน สร้างรายได้สูงสุดให้กับ อสมท ในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 เนื่องจากมีผู้ใช้บริการโครงข่ายฯ เพิ่มขึ้น คือ T Sports 7 ช่อง หมายเลข 7 โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อส่งเสริมยุทธศาสตร์ประเทศด้านการท่องเที่ยวและกีฬา
ธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจใหม่ รายได้เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 จากส่วนแบ่งรายได้โฆษณาผ่าน Social Platform (YouTube และ Facebook) ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนรายได้จากการเป็นผู้จัดจำหน่าย content ในแพลตฟอร์มอื่นทั้งใน และต่างประเทศ (Content Business) และรายได้จากการขายสินค้า (Shop Mania)
นอกจากนี้ในเดือน มี.ค.65 ตั้งเป้ารายได้จากการให้เช่าใช้ทรัพย์สิน (ห้องสตูดิโอและห้องควบคุมออกอากาศ) เป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจโทรทัศน์ และ ธุรกิจวิทยุ มีรายได้ลดลงตามสถานการณ์ตลาดที่มีการใช้เม็ดเงินในสื่อดั้งเดิมลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ปี 64 โดยงบโฆษณาของทั้งอุตสาหกรรมโทรทัศน์ลดลง 4% ส่วนวิทยุลดลง 3%