ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 65 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 10% จากปี 64 ที่มีรายได้รวม 1,216 ล้านบาท โดยเติบโตตามการขยายตัวของสาขาใหม่และมีฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุ
โดยบริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาใหม่ จำนวน 10 สาขา ซึ่งเซ็นสัญญาไปแล้ว 9 แห่ง โดยได้เปิดให้บริการในไตรมาส 1/65 จำนวน 1 สาขา ในซอยทองหล่อ และอีก 1 สาขา ในย่านซอยลาซาล ในไตรมาส 2/65 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวมอยู่ที่ 28 สาขา และเตรียมเปิดอีก 3 สาขาในไตรมาส 2/65 ส่วนที่เหลือเตรียมเปิดในครึ่งปีหลัง โดยจะเน้นพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
ทั้งนี้ การเปิดสาขาใหม่จะแบ่งเป็นร้านขนาดกลาง พื้นที่ใช้สอย 80-150 ตารางเมตร จำนวน 8 สาขา ใช้งบลงทุนราว 2-3.75 ล้านบาทต่อสาขา และร้านขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอย 150-300 ตารางเมตร จำนวน 2 สาขา ใช้งบลงทุนราว 3.75-6 ล้านบาทต่อสาขา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งเพิ่มพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่มากขึ้นภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเจาะกลุ่มตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ PRIME และ BESUTO มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 14 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 259 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากในไตรมาส 1/65 บริษัทฯได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง ส่งผลให้จำนวนสาขาอยู่ที่ 27 แห่ง และจำนวนฐานสมาชิกปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนทำให้มียอดขายที่เติบโตได้เป็นอย่างดี รวมทั้งบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความสามารถของอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 23.9% สูงกว่า 22.3% ของงวดเดียวกันปีก่อน
"ในงวดไตรมาส 1/65 ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดีและเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเกิดขึ้นในวงกว้างและอาการไม่รุนแรง ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาดูแลรักษาด้วยตัวเอง ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภทสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ สนับสนุนยอดขายทั้งจากสาขาเดิมและสาขาใหม่เติบโตได้ดี ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 2/65 ประเมินว่าน่าจะอยู่ในทิศทางที่ดีได้ต่อเนื่อง" ภก.ธัชพล กล่าว