นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 268.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,059% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/64 ที่มีกำไรสุทธิ 23.2 ล้านบาท และมีรายได้ 329.5 ที่ล้านบาท โดยผลประกอบการในไตรมาส 1/65 ยังคงแข็งแกร่งและโดดเด่นจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มียอดขายปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องที่สูงเกินความคาดหมายในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ ภายใต้บริษัทย่อย บริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ ประเทศไทย จำกัด
อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากผลสำเร็จจากการขายหุ้นจำนวน 49% ของบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด ให้แก่บริษัท Shizuoka Gas เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมเป็น Strategic Partner ในการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยและอาเซียนในอนาคต โดยภายหลังการร่วมทุนจาก Shizuoka Gas บริษัทคาดการณ์ยอดขายก๊าซธรรมชาติ iCNG และ iLNG เพิ่มขึ้นจาก 5,000 MMBTU เป็น 10,000 MMBTU ต่อวัน และด้วยความเป็นมืออาชีพของบริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ยังสามารถทำให้การบริหารจัดการภายในดีขึ้นอย่างเป็นที่ประจักษ์ ได้อีกด้วย
นอกจากกำไรที่สูงขึ้นกว่า 1,000% ที่เกินความคาดหมายเป็นอย่างมากแล้ว ผลจากธุรกรรมที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินทุกอย่างของบริษัท ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น (DSCR ratio) ปรับตัวดีขึ้น 20% (D/E ratio) ปรับตัวดีขึ้น 18.2% ส่งผลต่อศักยภาพในการระดมทุนจากสถาบันเงินที่ดีขึ้น
พร้อมกันนี้นอกจากธุรกิจหลักในการขายก๊าซธรรมชาติ, ไฟฟ้า, สัมปทานการซ่อมรถโดยสารปรับอากาศ จาก ขสมก. และธุรกิจขนส่งแล้ว บริษัทยังได้ต่อยอดธุรกิจปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ในรูปแบบ indoor ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผ่านบริษัท พืชเภสัชกรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SCN ด้วยการเพิ่มทุนให้พันธมิตรรายใหม่เข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่า 48 ล้านบาท จากการประมาณมูลค่า บริษัท พืชเภสัชกรรม จำกัด ที่ 240 ล้านบาท โดย SCN ถือหุ้น 41% สำหรับโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตการปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ในรูปแบบ indoor เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่โรงงานเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการเพาะปลูกกัญชงสำหรับทางการแพทย์ (Medical grade)
สำหรับทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 2/65 ยังคงมีแนวโน้มเติบโต หลังภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มาต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจให้บริการบำรุงรถเมล์ NGV และธุรกิจกัญชงเชิงพาณิชย์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ทำให้บริษัทฯมั่นใจในเป้าหมายผลประกอบการโดยรวมปี 65 จะเติบโตขึ้น 20%