นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล IRPC ให้แก่นักลงทุนรายย่อย รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.10% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ใน แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2565
"การเสนอขายหุ้นกู้ ดิจิทัล IRPC นับเป็นการเสนอขายหุ้นกู้แบบไร้ใบหุ้นกู้ (Scripless) 100% แก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อลดการใช้กระดาษสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก พร้อมทั้งสนับสนุนนวัตวรรมตลาดทุนในยุคดิจิทัล ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ จึงตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้นกู้ ดิจิทัล IRPC เพื่อรับผลตอบแทนจากการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคง โดยบริษัทฯ เตรียมจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ไปชำระหนี้หุ้นกู้รุ่น IRPC229A บางส่วน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 11 กันยายน 2565 รวมถึงช่วยให้บริษัทฯ บริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น"
นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับ IRPC จำหน่ายหุ้นกู้ดิจิทัล IRPC ผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2565 ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ดิจิทัล IRPC อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม กระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 63% และต่างจังหวัด 37% เป็นนักลงทุนผู้หญิงสูงถึง 68% กระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-90 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน (Office Worker) 20-40 ปี สัดส่วนสูงถึง 28% และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 23% สามารถซื้อขายได้สะดวก รวดเร็ว แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับหุ้นกู้และได้รับเงินทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
"ความร่วมมือกับ IRPC ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนในธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พร้อมด้วยสาธารณูปโภคพื้นฐาน ท่าเรือ คลังน้ำมัน และโรงไฟฟ้า และนับเป็นโอกาสในการขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้ตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนไปอีกขั้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าและประชาชนอย่างยั่งยืนในอนาคต ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ทั้งด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบไม่ต้องใช้เอกสาร ลดการเดินทางไปที่สาขา โดยทำรายการบนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานกว่า 34 ล้านคน และเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing sEconomy ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตราสารหนี้ของประเทศอีกด้วย"