โบรกเกอร์ต่างแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) หลังกำไรไตรมาส 1/65 ออกมาดีกว่าคาดรับปัจจัยหนุนจากผู้ป่วยกลุ่ม Non-covid ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการเติบโตได้ค่อนข้างมากโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง
นอกจากนี้คาดว่าผู้ป่วยจากต่างประเทศจะกลับมามากขึ้นในกลุ่มโรคซับซ้อน และ โรคเรื้อรังที่เข้ามารักษา หลังจากที่ประเทศไทยได้เริ่มเปิดประเทศ และ ได้เตรียมยกเลิกระบบ Thailand Pass จะเข้ามาชดเชยจำนวนผู้ป่วยจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายลงแต่ช่วงไตรมาส 2/65
อีกทั้ง BDMS ยังร่วมทุนกับ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เพื่อเปิดร้านขายยาขนาดใหญ่รูปแบบ Stand Alone ซึ่งมี Health care Products ทุกประเภท ตามศูนย์การค้า ซึ่งตั้งเป้าเปิดสาขาแรกในช่วงไตรมาส 4/65 และมีแผนเปิด 50 สาขาภายใน 5 ปี
ราคา BDMS ปิดเที่ยงที่ 26.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.85% ขณะที่ดัชนี SET บวก 1.23%
เคทีบีเอสที ซื้อ 31.00 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 29.50 กรุงศรี ซื้อ 31.00 เมย์แบงก์ ซื้อ 29.00 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 29.00 นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที (KTBST) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/65 ออกมาดีกว่าคาดถึง 14% โดยมีกำไรสุทธิที่ 3,443 ล้านบาท เติบโต 157% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เติบโตจากไตรมาส 4/64 ที่ 34% ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากผู้ป่วยกลุ่ม Non-covid ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการเติบโตได้ค่อนข้างมากโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง นอกจากนี้คาดว่าผู้ป่วยจากต่างประเทศจะกลับมามากขึ้นในกลุ่มโรคซับซ้อน และ โรคเรือรังที่เข้ามารักษา หลังจากที่ประเทศไทยได้เริ่มเปิดประเทศ และ ได้เตรียมยกเลิกระบบ Thailand Pass อีกด้วย โดยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นอีก 4% ที่ 9,363 ล้านบาท หรือเติบโต 185% ขณะที่ผู้บริหารได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้เป็น 12-15% จากเดิมคาดโต 6-8% โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากผู้ป่วยกลุ่ม Covid ในประเทศ และ Non-covid จากต่างประเทศที่กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 "จุดแข็งของกลุ่ม BDMS คือผู้ป่วยจากต่างประเทศที่ปัจจุบันได้รับปัจจัยหนุนจากการดำเนินนโยบายเปิดประเทศ และ เตรียมยกเลิกระบบ Thailand Pass ที่จะส่งผลให้สัดส่วนผู้ป่วยจากต่างชาติเข้ามาใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากตะวันออกกลางที่เดินทางเข้ามารักษากับโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เราจึงได้มีการปรับประมาณการกำไรปี 65 เพิ่มขึ้นด้วย"นายมงคล กล่าว ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้มีการปรับประมาณการกำไรปี 65 เพิ่มขึ้นเป็น 10,170 ล้านบาท เติบโต 28% เพื่อสะท้อนเป้าหมายรายได้ใหม่ และ ผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 66 โดยเฉพาะผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง และ ผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศ CLMV ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส จากการดำเนินนโยบายการเปิดประเทศ และ เตรียมยกเลิกระบบ Thailand Pass พร้อมทั้งเตรียมประกาศให้โรคโควิดเป็นโรคประจำถิ่น ทั้งนี้รายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจำนวนประชากรที่ฉีดวัคซีนป้องกันครบ 3 เข็มเป็นไปตามแผน โดยจำนวนประผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 จะมีทิศทางลดลงตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/65 แต่อย่างไรก็ตามจะสามารถชดเชยได้บางส่วนจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยปกติในประเทศไทย และ ผู้ป่วยจากต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วย Fly-in โดยคาดว่า occupancy rate ของการ ครองเตียงทั้งปี 65 จะอยู่ราว 70% อีกทั้ง BDMS ยังร่วมทุนกับ COM7 เพื่อเปิดร้านขายยาขนาดใหญ่รูปแบบ Standalone ซึ่งมี Health care Products ทุกประเภท ตามศูนย์การค้า ซึ่งตั้งเป้าเปิดสาขาแรกในช่วงไตรมาส 4/65 และมีแผนเปิด 50 สาขาภายใน 5 ปี ส่วน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่าผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 จะชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตามจะได้แรงหนุนจากผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 จะกลับมาใช้บริการในโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันคาดว่าผู้ป่วยจากต่างประเทศจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ พร้อมกันนี้ยังได้เริ่มเปิดตลาดในประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มเติมด้วย หลังจากมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย และ BDMS ได้เปิดสำนักงานตัวแทนในประเทศดังกล่าวด้วย นอกจากนี้บริษัทได้คงเป้าหมาย EBIDA margin ที่ 22-23% ซึ่งคิดเป็นรายได้ที่ 8.3-8.6 หมื่นล้านบาท และ EBITDA ที่ 1.8-2.0 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังมีโอกาสในการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่สูงขึ้น ซึ่งผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in จะมีอัตรากำไรสูงกว่ารายได้จากชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน และระยะเวลาการรักษาที่นานกว่า