นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) กล่าวว่า ในปี 65 นี้ STI พร้อมยกระดับองค์กรสู่การเติบโตครั้งสำคัญ หลังจากที่ประชุมมีมติอนุมัติย้ายเข้าซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเติบโต และการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน กองทุนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียน 167,500,000 บาท จากการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญและเงินสด ทำให้ ณ ปัจจุบัน STI มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 301,500,000 บาท และจะเข้าไปซื้อขายบนกระดาน SET ภายในเดือนมิ.ย.65 นี้
ทั้งนี้ STI มีการเติบโตอย่างโดดเด่นทุกปี ตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 61 จากนั้นในปี 63 ได้มีการลงทุนในบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) ในสัดส่วน 63.75% ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด และในปี 65 บริษัทก็ขยับขึ้นบันไดก้าวสำคัญอีกหนึ่งสเต็ปสู่การเข้าเทรดใน SET
สำหรับผลงานโค้งแรกของปีในช่วงไตรมาส 1/65 ที่มีการปรับแผนกลยุทธ์ในการดำเนินงาน เน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างรอบคอบ พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานในรูปแบบวิถีใหม่ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปรับกลยุทธ์ในการทำงานพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับงานอย่างต่อเนื่องแม้จะอยู่ในช่วงของสถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ตาม และสามารถทำรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 415.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30.1 ล้านบาท
STI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 30.13 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.21 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท
ตั้งแต่เปิดปี 65 กลุ่ม STI ก็เดินหน้ารับงานเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันงานในมือ (Backlog) ที่มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า อาทิ งานจ้างควบคุมงานก่อสร้าง โครงการเอกชนร่วมลงทุนในส่วนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี งานจ้างควบคุมงานก่อสร้างโครงการเอกชนร่วมลงทุนในส่วนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา มูลนิธิรามาธิบดี, ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2 และ 3, ที่ปรึกษาคุมงานโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่, ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา เมืองการบิน เฟส1, โครงการ One Bangkok, โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น การเดินหน้าขยายความเชี่ยวชาญในงานด้านวิศวกรรมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น อีกทั้งในปีนี้ตลอดทั้งปียังมีโอกาสลุ้นงานใหม่เมกะโปรเจกต์เข้ามาในพอร์ต ลุ้นสร้างนิวไฮแบ็คล็อกได้อีกด้วย
"STI เรามุ่งมั่น และสร้างการผลักดันให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายความเชี่ยวชาญไปในกลุ่มงานก่อสร้างอื่นๆให้มากขึ้น ตามเทรนด์การเติบโตของประเทศ เดินหน้าประมูลงานเมกะโปรเจกต์เข้าพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว ด้วยแผนกลยุทธ์ต่างๆที่เรานำมาปรับใช้และบริหารด้วยความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมมาอย่างยาวนาน ซึ่งในปีนี้เราตัดสินใจเพิ่มทุนจดทะเบียนนำพา STI เข้าเทรดใน SET เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตที่มากขึ้นในอนาคต รองรับงานต่างๆที่ชนะการประมูลเข้ามาตลอดทั้งปี " นายสมเกียรติ กล่าว