นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม (TMI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 8.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.10 ล้านบาท หรือ 585.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายรวม 143.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.11 ล้านบาท หรือ 31.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการออกสินค้าใหม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ ประกอบกับมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพตามแผนกลยุทธ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 135.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.11 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.17% จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สินค้าประหยัดพลังงาน และโคมไฟฆ่าเชื้อ UV-C ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าอยู่ที่ 8.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.96 ล้านบาท หรือ 89.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวภาพ จังหวัดสมุทรสาคร และโรงไฟฟ้าชีวภาพ จังหวัดชุมพร ที่มีกำลังการผลิตรวม 2.4 เมกะวัตต์
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้น บริษัท มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ที่สร้างรายได้และทำกำไรโตขึ้นต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยคาดว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจไตรมาส 2 จะมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่องและเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากอานิสงส์โรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ช่วยหนุนให้รายได้บริษัทในปีนี้เติบโต 20% ตามเป้าที่ตั้งไว้" นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายขยายการลงทุนเชิงรุกในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในอนาคต โดยเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ ในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวภาพแห่งที่ 3 เพื่อผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมิถุนายนนี้ เมื่อรวมกับโรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ทำให้โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 5.4 เมกะวัตต์ หนุนรายได้ให้เติบโต รวมถึงการเดินหน้าขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าด้วยการเปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าชีวภาพเพิ่มเติม โดยวางเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 7 เมกกะวัตต์ในปี 2565 และคาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนรวมกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ภายในปี 66