CPN ปีนี้สรุปร่วมทุนห้างในจีนเพิ่ม-เทกโอเวอร์ห้างอื่น/รายได้โต 15-20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 18, 2008 18:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีงบลงทุนจำนวน 8.65 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการต่อเนื่องที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ ศูนย์การค้าที่แจ้งวัฒนะ, พัทยาบีช , พระราม 9 เป็นต้น 
นอกจากนั้น ในงบลงทุนดังกล่าว จำนวน 1.6 พันล้านบาทจะนำไปลงทุนโครงการใหม่ในจีน ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเข้าลงทุนภายในปีนี้ โดยจะสร้างศูนย์การค้าเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง ด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น จากก่อนหน้าได้ลงทุนที่ปักกิ่งมาแล้ว
"การลงทุนในต่างประเทศต้องใช้เวลา อย่างที่เวียดนามแม้ว่าจะมีประชากรเยอะแต่ราคาที่ดินสูงมาก เราต้องใช้เวลาเจรจา หาที่ดินซึ่งมันยากกว่าจะได้ข้อสรุป ปีนี้คงไม่ได้เห็น ส่วนที่อินเดีย เรามีปัญหาทางกฎหมาย หากจะทำโครงการใหม่จะต้องศึกษาให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ดังนั้นที่อินเดียคงต้องรอไปก่อน" นายนริศ กล่าว
CPN ยังเตรียมนำเงินลงทุนส่วนหนึ่งไปใช้ในการเทคโอเวอร์กิจการห้างสรรพสินค้าหนึ่งแห่งที่สร้างเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างทำดิวดิลิเจนท์ คาดจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้
ส่วนโครงการสวนลุมไนท์บาซาร์ คาดว่าจะได้เข้าใช้พื้นที่เพื่อเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งมอบที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งบริษัทได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายค่าที่ดินไว้แล้ว
นายนริศ กล่าวว่า เงินลงทุนปีนี้จะมาจากการขยายกองุทนอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรทฟันด์(CPNRF) ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนได้ภายในไตรมาส 2/51 โดยจะใช้สินทรัพย์ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และอีกหนึ่งแห่งกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือก เพื่อเพิ่มขนาดกองทุนให้ใหญ่ขึ้นและน่าสนใจ เพราะการเพิ่มขนาดกองทุนต้องใช้เวลาในการขออนุญาต ดังนั้น ถ้าทำแล้วก็น่าจะขยายให้เพิ่มมากขึ้นในคราวเดียว
ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์เซ็นทรัลเวิล์ดออฟฟิศ เบื้องต้นคาดว่าขนาดกองทุนอยู่ที่ 5,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายในไตรมาส 2/51 ไล่เลี่ยกับกองทุน CPNRF เนื่องจากกองทุนเซ็นทรัลเวิล์ดออฟฟิศติดปัญหาทางกฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไข
"ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้าจะขายทีเดียว 2 กองทุน เม็ดเงินต่างชาติก็ไม่ใช่ปัญหา และนักลงทุนไทยก็เริ่มรู้จักในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และเชื่อมั่นจะให้ผลตอบแทนดี" นายนริศ กล่าว
นายนริศ กล่าวอีกว่า ในปี 51 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8.49 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1.8 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดงบการโฆษณา และให้ส่วนลดกับพื้นที่เช่าที่เซ็นทรัลเวิล์ดน้อยลง รวมทั้งได้เพิ่มค่าเช่าทุกศูนย์ฯ เฉลี่ย 7-8%
นอกจากนี้ เชื่อมั่นว่า ผู้บริโภคจะยังมีกำลังจับจ่ายซื้อของอยู่แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับสูงขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ