ราคาหุ้น CK เด้งขึ้น 3.70% หรือเพิ่มขึ้น 0.70 บาท มาที่ 19.60 บาท เมื่อเวลา 10.15 น. โดยมีราคาเปิด 19.40 บาท ราคาสูงสุด 19.70 บาท และราคาต่ำสุด 19.40 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.ช.การช่าง (CK) ในไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท ดีกว่าจากที่ตลาดคาดว่าจะขาดทุน โดยมีการบันทึกรายได้ทำล่วงหน้าก้อนใหญ่ของโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง และ แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/65 คาดเร่งตัว Q-Q - Y-Y ตามความคืบหน้างานต่างๆที่มากขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของ บมจ.ซีเคพาวเวอร์ (CKP) และบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) คงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ "ซื้อ"
ส่วน บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" CK และราคาเป้าหมาย 25.60 บาท อิง SOTP จากที่ CK รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 121 ล้านบาท (-42% YoY, +16% QoQ) หากเทียบผลการดำเนินงานปกติ พลิกฟื้นจากขาดทุน ไตรมาส 1/64 และไตรมาส 4/64 ที่ -175 ล้านบาท โดยสูงกว่าเราคาดว่าจะขาดทุน -159 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากการที่บริษัทมีการรับรู้รายได้งาน pre-construction โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางราว 3.5 พันล้านบาท หลังจากที่มีความคืบหน้าการลงนามสัญญา tariff MOU ส่งผลให้รายได้เพิ่มสูงขึ้น และ GPM ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 8.4%
นอกจากนี้ SG&A ลดลง -6% QoQ ซึ่งเรามองว่าเป็นผลจากการที่บริษัทเริ่มทยอยย้ายคนงานจากส่วนกลางเข้าไซท์งานหลังมี backlog ใหม่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายมาตรการ COVID-19 ลดลง เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 1.1 พันล้านบาท ฟื้นตัวสูงจากปี 2564 ที่ 100 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 2/65 เบื้องต้นเราประเมินกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากการเริ่มงานทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของและสายสีม่วงใต้อย่างเป็นทางการ, ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่ดีขึ้น, และอานิสงส์เงินปันผลจาก TTW ราคาหุ้นปรับตัวลง แต่ in line กับ SET ในช่วง 1-3 เดือน
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ "ซื้อ" จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นนับจากนี้ตามทิศทาง backlog ที่ฟื้นตัวและการเริ่มงานใหม่ อีกทั้ง CK ยังมี catalysts จาก 1) การลงนามสัญญา EPC โครงการหลวงพระบางภายในปี 65 ซึ่งจะเพิ่ม backlog ให้บริษัทสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท และ 2) การเปิดขายซองโครงการสายสีส้มในช่วงกลางปีนี้