นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) เปิดเผยว่า ทิศทางดำเนินงานในปี 65 บริษัทเดินหน้าเตรียมงบลงทุนสำหรับการส่งเสริมการขายและการขยายตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตสินค้าและการให้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะประเทศเวียดนามเพิ่มมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อน PRAPAT ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Cleaning Hygiene Solutions ของอาเซียนภายใน 5 ปี
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวม 204.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.15 ล้านบาท หรือ 6.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/64 ซึ่งมีรายได้จากการขายและการบริการ 201.47 ล้านบาท และมีแนวโน้มการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นในปี 65
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 164.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.38 ล้านบาท หรือ 8.16% เช่นเดียวกับรายได้จากการให้เช่าและบริการอยู่ที่ 40.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.77 ล้านบาท หรือ 1.93%
ปัจจัยสนับสนุนจากการมุ่งเน้นทำการตลาดเชิงรุก, การอัดแคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดเพื่อป้องกันโควิด (Housekeeping Accessories ) เช่น ที่จ่ายเจลแอลกอฮอล์อัตโนมัติ เครื่องฉีดพ่นและน้ำยาตัวฉีดพื้นผิว ตลอดจนการขยายฐานลูกค้าและตลาดผลิตภัณฑ์สีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือกรีนโปรดักต์ ภายใต้แบรนด์ InnuScience จากประเทศแคนาดา ตลอดจนการเปิดประเทศ, อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น และแรงกระตุ้นต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจประเทศเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของ PRAPAT
"ปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรม CLEANING HYGIENE SOLUTIONS ดีขึ้น มาจากภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและสถานการณ์โควิด 19 ทั่วประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้ลูกค้าบริษัทฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม เริ่มมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบด้วยการยกเลิกระบบ Test & Go สำหรับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปีของกลุ่มบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย" นายวีระพงค์ กล่าว