นายวิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ใน 3 ปี (65-67) จะมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 25% โดยหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นจะช่วยหนุนความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมาฟื้นตัวและกิจกรรมด้านเศรษฐกิจกลับมามากขึ้น ช่วยหนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นตัวกลับมา โดยบริษัทจะเน้นการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเพื่อที่จะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการขยายตลาดในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นไปยัง 3 ประเทศหลักคือ สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา คาดจะสามารถเพิ่มจำนวนดีลเลอร์ได้อีก 1 ราย โดยจะมีแผนเปิดที่กัมพูชาก่อน ที่กรุงพนมเปญ และขยายไปยังเมียนมาตอนเหนือ รวมทั้งขยายที่โซนใต้ของสปป.ลาว ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมของประเทศ
โดยหลังจากการระดมทุนแล้ว ช่วยหนุนให้บริษัทมีศักยภาพด้านฐานเงินทุนที่สูงขึ้น และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมๆ กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้าจากการสร้างคลังและส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้ และกำไร จากงานที่จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด
"ราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมองว่าเป็นผลมาจากนักลงทุนมองเห็นโอกาสที่ FTI จะเติบโต และยืนยันว่าการเข้าตลาดหุ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงเชื่อว่านักลงทุนจะเกิดความเชื่อมั่นในโอกาสต่อไป ในการทำการตลาดที่จะเข้าถึงผู้บริโภค รวมทั้งยังสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทในฐานะที่เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจรทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ทั้งหมดจำนวน 23 แบรนด์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง"นายวิกร กล่าว