โบรกเกอร์ฯต่างแนะนำ "ซื้อ" บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาก ทำให้มูลค่าหุ้นมีความน่าสนใจและมีอัพไซด์ ประกอบกับทิศทางของธุรกิตยังมีการฟื้นตัวกลับมาที่ดี จากการรุกขยายสินเชื่อและการขยายสาขา หลังแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว หนุนความต้องการใช้สินเชื่อกลับมา
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยด้านคุณภาพหนี้ในพอร์ตที่ยังต้องติดตามแนวโน้มว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อหรือไม่ หลังจากที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 1/65 เพิ่มขึ้นมา 1.7% สวนทางกับการตั้งสำรองฯที่ลดลง และหากยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอาจมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัท จากการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้นได้ แต่หากบริหารจัดการ NPL ได้ จะทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีต่อเนื่อง
ราคาหุ้น MTC ปิดเช้าอยู่ที่ 44.25 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.67%) ขณะที่ SET ลบ 0.58%
แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ซื้อ 67
ไทยพาณิชย์ ซื้อ 67
ยูโอบีเคย์เฮียน ซื้อ 64
กสิกรไทย ซื้อ 61
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 58
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 55
เอเซีย พลัส ซื้อ 52
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น MTC มีการปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่มีความน่าสนใจในด้านของมูลค่าที่ต่ำ โดยมีระดับ P/B ที่ 3 เท่า และผลงานในช่วงไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมาถือว่าออกมาดีกว่าที่คาดไว้ราว 13% หรือมีกำไรที่ 1,378 ล้านบาท โดยมาจากการตั้งสำรองฯที่ตั้งสำรองลดลง และค่าใช้จ่ายของบริษัทลดลง รวมถึงสินเชื่อยังมีการขยายตัวขึ้น ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยยังเห็นการเติบโตในไตรมาส 1/65 และยังมีโอกาสการขยายตัวของสินเชื่อต่อได้ในไตรมาส 2/65
อย่างไรก็ตามทิศทางของ NPL เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.7% ซึ่งเริ่มเข้าใกล้เป้าหมายการควบคุมของบริษัทที่ไม่เกิน 2% เป็นปัจจัยที่ยังต้องมีการติดตามว่าการควบคุมของ NPL จะมีทิศทางเป็นอย่างไร เพราะหาก NPL ยังปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อในไตรมาส 2/65 อาจจะกดดันต่อกำไรในช่วงไตรมาส 2/65 ได้ เพราะจะต้องมีการตั้งสำรองฯเพิ่มกลับไปมากขึ้น จากไตรมาส1/65 Coverage ratio ลดลงมาเหลือ 113% จากไตรมาส 4/64 ที่ 144% เนื่องจากบริษัทมองว่าภาพเศรษฐกิจในปีนี้จะดีขึ้นทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองสูงมาก โดยที่ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 61 บาท/หุ้น จากราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก และการขยายพอร์ตสินเชื่อยังทำได้ดี
นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า MTC ราคาหุ้นมีการปรับฐานมากว่า 22% ทำให้มีอัพไซด์ที่น่าสนใจ และทิศทางการฟื้นตัวของบริษัทในปีนี้ที่ชัดเจนมากขึ้น จากการกลับฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลทิศทางของสินเชื่อยังเห็นการเติบโตขึ้นได้ตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ 25% และในช่วงไตรมาส 2/65 คาดว่าจะยังเห็นการขยายตัวของสินเชื่อต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 ส่วนหนึ่งมาจากการขยายสาขา และความต้องการสินเชื่อที่ฟื้นกลับมา
สำหรับปัจจัยที่อาจจะกดดันกำไรของบริษัทอยู่บ้างในเรื่องของการบริหาร Credit Cost ที่แนวโน้มของคุณภาพหนี้ยังเห็น NPL ปรับตัวขึ้น แม้ว่าบริษัทจะตั้งสำรองฯลดลงมาค่อนข้างมาก แต่ยังคงต้องติดตามว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากยังสามารถควบคุมได้ในระดับที่ 1.6-1.7% จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งสำรองฯของบริษัทในไตรมาสต่อไปมาก และทำให้บริษัทยังรักษาความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดีต่อเนื่องได้ และได้เปลี่ยนคำแนะนำมาเป็น "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 52 บาท/หุ้น
บทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า MTC ยังคงมีความแข็งแกร่งในแผนการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในแง่ของการขยายสินเชื่อที่ยังเห็นทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส และการขยายสาขาของ MTC ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการสินเชื่อที่ฟื้นตัว ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อในปี 65 จะสามารถทำได้เติบโตในระดับที่สูงถึง 30%
แต่ในด้านของคุณภาพหนี้ในปีนี้ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติตดามว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพหนี้อย่างไร หลังจากทิศทางของ NPL ยังปรับเพิ่มขึ้น สวนทางกับการตั้งสำรองฯของบริษัทที่ลดลง ซึ่งหาก NPL ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะทำให้บริษัทกลับมาตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/65 และเป้นปัจจัยที่กดดันต่อกำไรของบริษัท แต่หากสามารถคุม NPL ได้ จะทำให้บริษัทสามารถรักษาการทำกำไรในระดับที่ดี และส่งผลต่อการฟื้นตัวกลับมา และราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามาก ถือว่ามีความน่าสนใจในด้านของมูลค่าหุ้น และให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 55 บาท/หุ้น