นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ. พรีบิลท์ (PREB) เปิดเผยว่า แนวโน้มในไตรมาส 2/65 คาดว่าจะยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีทิศทางที่ผ่อนคลายลง ซึ่งนโยบายการเปิดประเทศช่วยผลักดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนทยอยกลับเข้ามาลงทุน ดังนั้นน่าจะสนับสนุนให้มีการเปิดประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ โดยปัจจุบันได้รุกขยายไปยังโครงการอาคารสำนักงาน โรงแรม และโรงพยาบาล ซึ่งจะเน้นในส่วนของโครงการที่เป็นของหน่วยงานราชการมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 65 ภาวะอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างยังคงมีการฟื้นตัวได้ในระดับที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่อุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งบริษัทมองว่าจะทำให้ธุรกิจของ บริษัท พรีบิลท์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจหลักรับเหมาก่อสร้าง 70% อสังหาริมทรัพย์ 20% และ PCM ประมาณ 10%
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/65 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 87.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.36% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 57.66 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,276.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,076.33 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้มีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจาก บริษัทมียอดรายได้รวมสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาประมาณ 200.66 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 104.03 ล้านบาท และในส่วนงานรับเหมาก่อสร้างประมาณ 61.58 ล้านบาท ส่วนงานขายและผลิตวัสดุก่อสร้างประมาณ 35.06 ล้านบาท
ขณะที่กำไรขั้นต้นสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาประมาณ 42.37 ล้านบาท ผันแปรตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังใกล้เคียงกัน
"แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่ปรับตัวดีขึ้น บวกกับการสู้รบในยูเครนจะส่งผลต่อราคาวัตถุดิบให้มีราคาสูงขึ้น แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถทำกำไรได้ โดยมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 87.85 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 1/64 ประมาณ 30.19 ล้านบาท ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากส่วนงานรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ สาเหตุหลักมาจากการวางแผนที่ดีในเรื่องการจัดการและการควบคุมต้นทุน ขณะที่มียอดงานคงเหลือในมือสำหรับส่วนงานก่อสร้าง ณ สิ้นไตรมาส 1/65 มีประมาณ 7,000 ล้านบาท"นายวิโรจน์กล่าว