นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) และ นางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อร่วมกันเดินหน้า "โครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านเกษตรอินทรีย์ภายใต้พื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอำนาจเจริญ มุ่งสู่กลไลเศรษฐกิจ BCG Model" วานนี้
ความร่วมมือดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านเกษตรอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่การผลิต เป็นการร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ถ่ายทอดสู่ชุมชน และยกระดับการผลิตให้กับเกษตรกรเพื่อมุ่งสู่การผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและปลอดภัย จากเดิมที่ UBE ได้มีความร่วมมือกับ สวทช. ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์นำร่องใน จังหวัดยโสธร ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ครอบคลุม 4 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดศรีสะเกษ
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการทำงานแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร โดยจากความสำเร็จของการดำเนินโครงการอุบลโมเดล ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมใน 3 มิติ ทั้งในด้าน เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อให้ทุกด้านเกิดความสมดุลและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน จนประสบความสำเร็จสามารถวางรากฐานที่แข็งแกร่งและสร้างเกษตรกรต้นแบบมันสำปะหลังอินทรีย์ในจังหวัดอุบลราชธานีได้อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการเตรียมความพร้อมยกระดับโครงการอุบลโมเดล สู่ อีสานตอนล่าง 2 พลัส ทั้ง 4 จังหวัดตามเป้าหมายในการส่งเสริมการผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นแป้งออร์แกนิคที่มีมูลค่าสูง เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์หลากหลายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด
ทั้งสองฝ่ายจะมีบทบาทหน้าที่ในการร่วมมือกันจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินกิจกรรมแบบบูรณาการต่างๆ อันประกอบด้วย การศึกษา การจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ให้เกษตรกร การดำเนินกิจกรรมเชิงปฏิบัติการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งโมเดลการเกษตรอินทรีย์ที่เหมาะสมกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการบริหารจัดการวัตถุดิบ และทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของความร่วมมือต่อไป
ด้าน นางสาววิราภรณ์ เปิดเผยว่า สวทช. ได้วิจัยและพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์มันสำปะหลัง ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การผลิตมันสำปะหลังให้ได้คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น การผลิตท่อนพันธุ์สะอาด การใช้สารชีวภัณฑ์ ชุดตรวจโรค การผลิตฟลาวมันสำปะหลัง เป็นต้น และยังได้ร่วมกับกรมวิชาการเกษตรและกรมพัฒนาที่ดินถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลังทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ โดยใช้กลไก "ตลาดนำการผลิต" เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและตลาดรับซื้อ ดังโครงการ "อุบลโมเดล" ที่ได้ร่วมกับบริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ดำเนินงานกับกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ ต.กู่จ่าน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ปรับเปลี่ยนการปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ให้ได้คุณภาพดี มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูงตามที่บริษัทรับซื้อ
"การบูรณาการความร่วมมือจากภาคีพันธมิตรภาครัฐและเอกชนใน "อุบลโมเดล" ทำให้เกษตรกรเปิดรับและปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิการผลิตมันสำปะหลัง โดยได้รับทั้งความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลผลิตที่ได้มีตลาดรับซื้อและจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ UBE ได้วัตถุดิบคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหาร จากการทำงานดังกล่าว สวทช. จึงได้พัฒนาความร่วมมือทางวิชาการกับ UBE ภายใต้ "โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพด้านเกษตรอินทรีย์ พื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอำนาจเจริญ" หรือ "อุบลโมเดลพลัสนวัตกรรม" เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้และร่วมดำเนินงานเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านเกษตรอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ส่งเสริมและสนับสนุนให้นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ถ่ายทอดสู่ชุมชนและพัฒนาเกษตรกรเพื่อยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและปลอดภัย ตลอดจนผลักดันการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่โดยชุมชนและหน่วยงานในท้องถิ่นมีส่วนร่วม ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดพื้นที่ผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์คุณภาพเพิ่มขึ้น เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิตสู่ระบบเกษตรปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสร้างความมั่นคงทางด้านอาชีพตามนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG" รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว