1.สร้างการเติบโตจากตลาดต่างประเทศ (International Business) โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต 15-20% ผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ส่งออกจำหน่ายใน 98 ประเทศทั่วโลก มีสัดส่วนรายได้ 65% ในปี 64 โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เอเซีย ตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยเฉพาะประเทศที่ทำผลงานได้ดีมาก ได้แก่ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และในทุกภูมิภาคยังสามารถขยายการกระจายสินค้าไปได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยจะเห็นจากไตรมาส 1/65 เริ่มขยายฐานลูกค้าในทวีปยุโรปเข้าสู่ช่องทางหลักอย่างห้างค้าปลีก (Modern Trade) ได้เพิ่มขึ้น ด้วยการทำตลาดแบบ O2O (Online to Offline Marketing) ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของ SAPPE ได้รับการตอบรับสูง และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง 2.สร้างการเติบโตจากตลาดในประเทศ (Domestic Market) ตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ย 10% โดยแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ?Current World? เซ็ปเป้ยังคงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้มีศักยภาพร่วมกับพันธมิตร ทั้งร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) พร้อมพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น และ ?New World? เร่งสร้างช่องทางการเติบโตใหม่ๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในหลาย Segment มากขึ้น ด้วยทีมงานมืออาชีพ 3. สร้างการเติบโตจากออลโคโค่ (All Coco) โดยตั้งเป้าหมายมีรายได้จาก All Coco จาก 316 ล้านบาทเป็น 800 ล้านบาทใน 5 ปี ด้วยการขยายจุดขายสินค้าทั่วโลก All Coco จากปัจจุบัน 4,500 POS ให้ได้มากกว่า 20,000 POS นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มผลผลิตจาก Owners' Farms และเครือข่ายฟาร์มให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต 4.สร้างการเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และ การร่วมลงทุน เพื่อที่จะเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ และ นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในทุกมิติร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมีความพร้อมทางด้านเงินทุนค่อนข้างมาก เนื่องจากมีเงินสดในมือกว่า 1,500 ล้านบาท และ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 0.2 เท่า ซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นได้สูงถึง 1.5-2.0 เท่า ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนราว 1,000 ล้านบาท เพื่อที่ใช้ขยายกำลังการผลิตด้วยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมว่าจะเป็นการเพิ่มโรงงานในประเทศไทย หรือต่างประเทศ ด้วยงบลงทุนราว 600 ล้านบาท โดยปัจจุบัน SAPPE มีกำลังการผลิตราว 140,000 ตันต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 350-400 ล้านบาทจะใช้ในการลงทุนคลังสินค้า เพื่อทดแทนคลังสินค้าเดิมที่เช่าอยู่ เพื่อที่จะเป็นการบริการจัดการต้นทุน สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 65 คาดว่ายอดขายจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2-3 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตในต่างประเทศจะมุ่งเน้นที่การสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับการแข่งขันในตลาด และความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายจากตลาดต่างประเทศเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดในประเทศมีทิศทางการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเตรียมทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลายตั้งแต่ไตรมาส 2/65 รวมทถึงเพิ่มการกระจายช่องทางการขาย และสร้างความได้เปรียบในการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต