นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะเติบโตดีขึ้นจากไตรมาสแรก เป็นไปตามความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ราคาขายน้ำมันสูงขึ้น และค่าการตลาดเข้าสู่ภาวะปกติที่ระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร รวมถึงการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) ก็ยังเติบโตได้ดี จากการขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้าน Coffee World, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้ม Max Gas และศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ขนาดเล็ก Autobacs อีกทั้งการเปิดประเทศ การเปิดเมืองก็ส่งผลดีต่อธุรกิจ Non-oil อย่างมาก โดยเฉพาะร้าน Coffee World ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในปีนี้
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีสถานีบริการน้ำมันที่ 2,010 สาขา, Non-oil ขยับขึ้นเป็น 1,572 สาขา แบ่งเป็น LPG and MIX จำนวน 252 สาขา และ F&B, CVS and Services จำนวน 1,320 สาขา โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ราว 1,500-2,000 ล้านบาท รองรับการขยายสถานีบริการน้ำมัน และ 1,000-1,500 ล้านบาท รองรับในส่วนของธุรกิจ Non-oil ที่เหลืออีก 500 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจใหม่
นายพิทักษ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายน้ำมันปีนี้โต 6-10%, LPG โต 50-60% ส่วนธุรกิจ Non-oil คาดเติบโต 80-90% โดยกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-oil (Non-Oil Gross Profit Portion reaches) คาดโต 15-20% และยังคงเป้ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปีนี้โต 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าการตลาดที่คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.70-1.80 บาท/ลิตร
ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น บริษัทฯ ได้ชะลอการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ภายใต้บริษัท แอตลาส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปเป็นปลายปีนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงการตอบคำถามจาก ก.ล.ต.จึงอาจชะลอออกไปเล็กน้อย
ด้านธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งในช่วงปลายไตรมาส 2/65 ถึงต้นไตรมาส 3/65 ตามกำหนดเดิม โดยคาดจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในปลายปีนี้