ราคาหุ้น KCE พุ่งขึ้น 5.26% หรือเพิ่มขึ้น 3.25 บาท มาที่ 65.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,036.12 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.32 น. จากราคาเปิด 62.75 บาท ราคาสูงสุด 65.25 บาท ราคาต่ำสุด 62.25 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) มีแนวโน้มตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เครื่องจักรรายใหม่ที่ติดตั้งมีอัตราการผลิตอยู่ที่ราว 80% และน่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามความชำนาญที่เพิ่มขึ้น KCE Guidance ยอดขายที่เพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 2/65 และไตรมาส 3/65 โดยคาดในไตรมาส 2/65 เพิ่มชึ้นได้อีกราว 6 ล้านเหรียญสหรัฐ และในไตรมาส 3/65 อีกราว 6 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ในด้าน GPM บริษัท Guide ว่าจะต้องค่อยๆ ปรับปรุงสายการผลิต ส่งผลให้ GPM จะค่อยๆ ดีขึ้น QoQ ไปที่ระดับ 25% ในไตรมาส 2/65 และสูงกว่านั้นในไตรมาส 3/65 แต่การจะกลับไปที่ระดับ 30% คงต้องใข้เวลาในการปรับปรุงสายการผลิตใหม่ให้มีประสิทธิภาพเต็มที่ก่อน ส่วนโรงงานใหม่ที่โรจนะ KCE จะเริ่มลงเสาสร้างในไตรมาส 2/65 คงกรอบการเปิดโรงงานปลายไตรมาส 2/66
ส่วนผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน บริษัทฯมองว่าไม่ได้มีผลกระทบในสายการลผิตโดยตรง Part จากรัสเซียไม่ได้มีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรม แตกระทบกับยอดคำสั่งซื้อในยุโรปชะลอตัวลงจากขาของดีมานด์ บริษัทฯพยายามชดเชยด้วยการเพิ่มออเดอร์จากตลาดอเมริกา
สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในประเทศจีน เมื่อไทยมีการเปิดประเทศทำให้เริ่มเห็นลูกค้าของคู่แข่งบางรายพยายามเข้ามาติดต่อ KCE มากขึ้น เพราะจีนมีความไม่แน่นอน ผู้บริหารมองว่าหากจีนล็อกดาวน์นานยิ่งดีต่อ KCE เพราะจีนเป็น Net Export รายใหญ่ของ PCB
หยวนต้า คงประมาณการกำไรของ KCE ปี 65-66 ที่ 2.8 พันล้านบาท (+23%YoY) และ 3.7 พันล้านบาท (+34%YoY) และคงคำแนะนำ"ซื้อ" อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 65 ที่ 82.50 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ KCE มีประเด็นการขยายกำลังการผลิตขนาดใหญ่ในช่วง 1 ปีจากนี้ทำให้หุ้นสมควรถูกซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ +1.0SD ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์การฟื้นตัวที่ช้าและไม่มีประเด็นหนุนเฉพาะตัวระยะสั้น ขณะที่การเปิดโรงงานใหม่อยู่ในไตรมาส 2/66 ยังอีกระยะใหญ่ ทำให้หุ้นต้องรอเวลาการฟื้นตัวของ GPM ในครึ่งหลังปี 65