บล.พาย (Pi) ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยต้นสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังจากนั้นรอดูปัจจัยใหม่ๆ ประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ที่ 1,630-1,660 เชิงกลยุทธ์การลงทุนจังหวะปรับตัวขึ้นยังแนะเป็นลดน้ำหนักการลงทุน กังวลถึงการปรับลดประมาณการและเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวจากดอกเบี้ยเร่งขึ้นในช่วงถัดไป
โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปรับตัวขึ้นเด่น 1.76% หลังสหรัฐรายงานดัชนีราคาใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ขยายตัว 0.3%MoM 4.9%YoY ส่วน PCE ขยายตัว 0.2%MoM 6.3%YoY ทั้งนี้หากพิจารณาการขยายตัว MoM พบว่า Core PCE ปรับตัวขึ้น 0.3%MoM เป็นระยะ เวลา 2 เดือนติดต่อ ส่วน YoY ลดลงต่อเนื่องจาก ก.พ. ขยายตัว 5.3%YoY มี.ค. 5.2%YoY และล่าสุด เม.ย. ขยายตัวเพียง 4.9%YoY
ตลาดจึงตีความว่าเงินเฟ้อสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทั้งนี้หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง PCE และ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ย้อนหลัง 52 ปี พบว่าค่าที่ได้คือ -0.47 หรือตีความได้ว่าหากการขยายตัวของเงินเฟ้อลดลงตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่รออยู่ในช่วงถัดไป เนื่องจากเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คือ 4.3% ในปี 22 และค่าเฉลี่ยระยะยาวคือ 2% แต่ตัวเลข PCE ล่าสุดที่รายงานออกมาคือ 6.3% จึงยังเป็นไปได้ที่จะเห็นความเข้มงวดออกมาจากทางเฟด ดังนั้นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจากประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดจึงเชื่อว่าเพียงระยะสั้น
ส่วนในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาได้รายงานมูลค่าส่งออกเดือน เม.ย. พบว่าขยายตัว 9.9%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 14.6%YoY ส่วนนำเข้าขยายตัว 21.5%YoY ดีกว่าตลาดคาดที่ 19.5%YoY อย่างไรก็ตามสินค้าข้างในสะท้อนถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกหนุนจากรถยนต์และส่วนประกอบหดตัวลง 9.5%YoY ส่วนสินค้าที่ขยายตัวคือ สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโลก อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รวมถึงสินค้าเกษตรและอาหารที่จำเป็นในภาวะสงคราม
แนวโน้มข้างหน้ากระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศคู่ค้าต้องการรักษาความมั่นคงทางอาหาร โดยเรามองเป็นบวกต่อกลุ่มอาหาร (ASIAN CPF GFPT TFG TU) สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้หลักๆจะเน้นที่ตัวเลขเศรษฐกิจ วันพุธได้แก่ PMI ของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 54.9 และวันศุกร์ภาคแรงงานสหรัฐ Bloomberg ประเมินการจ้างงานนอกภาคเกษตร 3.25 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานที่ 3.5%
ส่วนหุ้นแนะนำระยะสัปดาห์ MAJOR ค้าปลีก BJC CPALL สื่อสาร ADVANC อาหาร ASIAN CPF GFPT TFG TU ท่องเที่ยว AOT CENTEL ERW MINT SPA
MAJOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 23.70 บาท) คาดผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับดีขึ้นในไตรมาส 2/65 จากจุดต่ำในไตรมาส 1/65 เพราะมีภาพยนตร์คุณภาพดีจำนวนมากที่จะเข้าฉาย
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท) บริษัทเริ่มปรับราคาขายขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 เชื่อว่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนที่วิ่งสูงขึ้น ขณะที่การออกสินค้าใหม่ๆยังมีอย่างต่อเนื่อง