นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) กล่าวว่า สำหรับปี 65 ได้วางเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเติบโต 20-25% และเบี้ยประกันภัยเติบโต 30-35% โดยมีเป้าหมายขยายสาขาใหม่ในปีนี้ไม่น้อยกว่า 300 สาขา พร้อมทั้งมุ่งเน้นการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและการพิจารณาปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุมเพื่อรักษา Credit Cost (ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ) อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5% รักษาอัตราเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% โดยจะมุ่งเน้นลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการและส่งผลดีต่อ Cost to Income ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2/65 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ภาพรวมอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ โดยจะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้มองว่าการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ จะกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือรองรับการขยายธุรกิจ รวมถึงความต้องการซื้อประกันภัยรถเพื่อรองรับการเดินทาง โดยบริษัทฯ พร้อมช่วยลดภาระแก่ผู้ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประกอบกิจการ ภายใต้สถานการณ์ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น
นายปิยะศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมากว่า 10 ปี และรุกขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสาขาให้บริการรวมมากกว่า 1,400 สาขา และมีจุด Touchpoint อีกกว่า 60,000 แห่ง ขณะที่มูลค่าสินเชื่อต่อสาขาปัจจุบันอยู่มากกว่า 40 ล้านบาท สะท้อนว่าการลงทุนเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมแบบ Self-Service เพิ่มขึ้น เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน "เงินติดล้อ" ที่มีการใช้บริการเกิดขึ้นกว่า 1 ล้านรายการต่อไตรมาส
ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยถือเป็นผู้ประกอบการอันดับ 2 ในตลาด โดยมีพนักงานที่มีใบอนุญาตขายประกันภัยถูกต้องพร้อมให้คำแนะนำด้านประกันภัยมากกว่า 5,000 คน และได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้ลูกค้าทุกรายผ่อนชำระเบี้ยประกัน 0% ได้สูงสุด 10 เดือน รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มอารีเกเตอร์ ซึ่งเป็น Insure Tech ที่เชื่อมต่อระบบของเงินติดล้อเข้ากับบริษัทประกันภัยเกือบ 20 ราย