นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) เปิดเผยถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในประเทศไทยว่า มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งภาคธุรกิจเอกชนและภาคครัวเรือน หลังจากที่ค่าไฟฟ้าได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาคเอกชนหันมาปรับลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างจริงจัง ด้วยการเลือกติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้ธุรกิจ Solar Rooftop ของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเอกชนรายใหญ่
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการ Solar Rooftop ในมือเฉพาะในประเทศไทย 34.75 เมกะวัตต์ จาก 6.6 เมกะวัตต์ในปี 64 และยังมีโครงการของภาคเอกชนรายใหญ่ที่อยู่ระหว่างการติดตั้งอีกหลายโครงการ ซึ่งจะทยอยจำหน่ายไฟอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้
"ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของ CHOW ถือว่าไปได้ดี เห็นได้จากภาคเอกชนรายใหญ่หลายราย ให้ความสนใจใช้บริการของเรา เนื่องจากไว้วางใจในประสบการณ์ที่ CHOW ทำงานมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ ด้วยบริการที่ครบวงจร ทั้งยังมีผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดมาแล้วอย่างกว้างขวาง ซึ่ง CHOW มีความพร้อมรองรับโอกาสทางธุรกิจเป็นอย่างดี ทั้งด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมืออุปกรณ์ ตลอดจนพันธมิตรที่มีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน และกระแสเงินสดที่พร้อมรองรับการขยายธุรกิจที่จะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง "นายปรมัตถ์ กล่าว
นายปรมัตถ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) มีมติรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง ไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ โดยรับซื้อที่ 2.20 บาทต่อหน่วย ระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า 10 ปี ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 65 จะช่วยจูงใจให้ภาคครัวเรือนหันมาติดตั้งเพิ่มขึ้น เพราะสามารถนำไฟฟ้าที่เหลือใช้ในครัวเรือนไปขายต่อให้กับภาครัฐได้ ซึ่ง CHOW มีบริษัท เชาว์ แอนด์ ฮาโก้ โซลาร์ จำกัด ไว้รองรับโครงการขนาดเล็กขนาดไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในปีนี้จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
"ปี 65 จะเป็นอีกปีที่จะเห็น ธุรกิจพลังงานของ CHOW เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ตามแผนงานที่วางไว้ หลังจากที่ได้เตรียมความพร้อมไว้รองรับการขยายตัวเป็นอย่างดี ทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี พันธมมิตร และกระแสเงินสดที่ใช้รองรับการขยายธุรกิจ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ"นายปรมัตถ์ กล่าว