นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาทบทวนเป้าหมายรายได้จากยอดขายปี 65 เป็นเติบโต 7-15% ซึ่งเดิมคาดว่าจะเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 13,780 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการในไตรมาส 2/65 มีแนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาส 1/65 ที่มีรายได้จากการขายเติบโต 21%
"Guidance ทื่ให้ไว้ต้นปีเติบโต 5-10% แต่ในไตรมาส 1/65 เติบโต 21% ถ้าไตรมาส 2/65 ยังโตได้ 2 หลักคล้ายๆ ไตรมาสแรก อาจจะปรับประมาณการเพิ่มขึ้น น่าจะสูงกว่าเป้า จาก 5-10% ก็อาจจะเป็น 7-15% หรือถ้าดีหน่อยอาจจะโต 15-20% แต่ถ้าเอาแบบชัวร์ๆ ก็เป็นโต 7-15% เพราะเราต้องเผื่อว่าไตรมาสอื่นอาจผันผวน"นายรีระ กล่าว
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ในระดับ 10-11% โดยในไตรมาส 1/65 มีมาร์จิ้นสูงถึง 14.2% แต่ไตรมาส 2/65 มาร์จิ้นอาจจะได้รับแรงกดดันจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลืองที่ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาเนื้อไก่ยังสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยไตรมาส 1/65 ราคาไก่เป็นเฉลี่ยอยู่ที่ 39-40 บาท/กก. และในปัจจุบันราคาขยับขึ้นมาเป็น 42-43 บาท/กก. นอกจากนี้ จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายทำให้มีความต้องการบริโภคมากขึ้น และรับอานิสงส์จากซัพพลายหมูในตลาดลดลงจากผลกระทบโรคระบาด AFS ทำให้คนหันมาบริโภคเนื้อไก่แทน
ทั้งนี้ จากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น บริษัทก็จะมีการขอปรับขึ้นราคาเนื้อไก่ต่อกรมการค้าภายใน
นอกจากนี้ การส่งออกเนื้อไก่ยังดีต่อเนื่องรับผลดีจากเงินบาทอ่อนค่า และการที่อังกฤษออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ทำให้ไทยสามารถส่งออกไปอังกฤษได้โดยตรง ไม่ต้องอยู่ภายใต้โควต้าของกลุ่มอียู และยังมีตลาดซาอุดิอาระเบียที่เป็นตลาดใหม่ของไก่สดแช่แข็งเพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกันราคาส่งออกก็ดีขึ้น
แต่ดีมานด์ไก่ในญี่ปุ่นและอียูที่เป็นตลาดหลักของบริษัทยังไม่ได้กลับไปดีเท่ากับช่วงก่อนโควิด และค่าระวางเรือยังสูงขึ้น โดยสมาคมผู้ส่งออกไก๋ คาดว่าในปีนี้จะส่งออกเนื้อไก่ราว 9.4 แสนตัน เติบโตไม่ถึง 1% จากปีก่อน
นายวีระ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 1-1.2 พันล้านบาท เพื่อขยายฟาร์มเลี้ยงไก่ และโรงเชือดไก่ จากปัจจุบัน GFPT มีกำลังการผลิตหรือเชือดไก่ 3.4 แสนตัว/วัน และเนื้อไก่ปรุงสุก 24,000 ตัน/วัน