นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KEST) คาดว่า บริษัทจะจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน(บลจ.)ได้ภายในช่วงกลางปีนี้ โดยในช่วงเริ่มต้นบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนใน บลจ.ใหม่ราว 500 ถึง 1,000 ล้านบาท เพื่อให้นักลงทุนที่จะลงทุนผ่านบลจ.มีความมั่นใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนการลงทุนในบลจ.ใหม่คงประเมินได้ยาก
ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.97 พันล้านบาท มาจากงานด้านวาณิชธนกิจ (IB) ในปีนี้คงจะมีดีลที่แตกต่างจากที่ทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาควบรวมหรือที่ปรึกษาการออกกองทุน โดยจะเป็นลักษณะการออกหุ้นกู้ควบใบสำคัญแสดงสิทธิที่ขณะนี้มีลูกค้ามาหารือที่จะทำธุรกรรมประเภทนี้
รวมทั้งปีนี้มีดีลอยู่ในมือเป็นดีลควบรวมกิจการ (M&A) อยู่ 8 ดีล กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2-3 ดีล กองทุนส่วนบุคคล 1-2 ดีล ที่ปรึกษาในการกระจายหุ้น IPO จำนวน 10-15 ดีล ธุรกรรมประเภท fix income 2-3 ดีล และที่ปรึกษาด้านอื่นๆอีก 2-4 ดีล
ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปีนี้ บริษัทจะพยายามสร้างรายได้ให้ได้ไม่น้อยกว่าปีก่อนที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวลดลงจากสภาวะตลาด โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 8%
"ในปีนี้น่าจะมีโอกาสในทิศทางที่ดีขึ้นจากสภาพตลาดโดยรวมและการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม คงจะต้องติดตามปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศที่ยังมีความกังวลโดยในประเทศยังมีปัญหาทางการเมืองว่าจะเข้าสู่ความสูญเสียศรัทธาและเสถียรภาพหรือไม่ ขณะที่ต่างประเทศซับไพร์มและปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยยังมีอยู่" นายมนตรี กล่าว
ส่วนการเข้ามาของพันธมิตรญี่ปุ่น คือ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (Mitsubishi UFJ Securities Ltd.) ที่เข้าถือหุ้นของกิมเอ็งโฮลดิ้งส์ ก็ทำให้บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มีความแข็งแกร่งเพราะมีสถานะเป็นธนาคาร ก็จะเข้ามาสน้บสนุนในเรื่องเม็ดเงินและตราสารต่างๆ โดยที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารและพร้อมที่จะให้ความสนับสนุน ซึ่งปัจจุบันพันธมิตรญี่ป่นดังกล่าวยังไม่ได้มีธุรกิจในภูมิภาคนี้
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--