นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/65 ที่มีรายได้ 1,639 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 93.15 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ทุกธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้น
โดย บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) จะรับรู้รายได้มากขึ้นจากการทยอยส่งมอบงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่เบียร์
ขณะที่ธุรกิจวิทยุการบินในประเทศกัมพูชา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด หรือ CATS (ธุรกิจในกลุ่มสามารถ) ก็ฟื้นตัวดีขึ้นหลังมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้ธุรกิจดังกล่าวก็น่าจะกลับมาเป็นบวกได้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนขยายการให้บริการไปยัง สปป.ลาวด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงของการศึกษา
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ยื่นแบบคำขอเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำบมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (SAV) ซึ่งถือหุ้นในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) 100% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังงบการเงินไตรมาส 1/65 กลับมาเป็นบวก และไตรมาส 2/65 ก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้น
ส่วนธุรกิจของ บมจ.สามารถ ดิจิตอล (SDC) คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 ก็น่าจะดีขึ้น โดยหลักจะมาจากการให้บริการ Digital Trunk Radio System (DTRS) แต่ยอมรับว่าปีนี้ SDC ยังคงขาดทุนอยู่ เนื่องจากมีการลงทุนใน DTRS อย่างไรก็ตาม คาดว่า SDC จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป จากการให้บริการ Digital Content & Service ที่เน้นการสร้างรายได้จากการเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ โดยจะส่งผ่าน Content และบริการสายมู สายกีฬา และ Lifestyle ไปสู่ผู้บริโภคผ่าน Application
โดยบริการสายมู บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท LUCKY Heng Heng โดยใช้รูปแบบการระดมทุนและการบริหารงานแบบ Start up เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ ซึ่งภายใต้ธุรกิจนี้จะประกอบได้ด้วย Horoworld Mobile Application คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเดือนส.ค.นี้ และอีกหนึ่ง Application ที่ชื่อว่า Thai merit ที่จะช่วยให้สายบุญได้ไหว้พระ บริจาคเงิน แก้บน เสี่ยงเซียมซี ตลอดจนบูชาวัตถุมงคล ได้ทุกวัด ผ่านช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเดือนก.ค.65
ปัจจุบัน LUCKY Heng Heng อยู่ระหว่างการระดมทุนจากผู้ลงทุน โดยเบื้องต้นคาดจะได้รับเงินราว 70-80 ล้านบาท และได้มีการตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการสายมูไว้ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้บริษัทยังมองโอกาสขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆ เช่น การรุกสู่ Non-Fungible Token (NFT) โดยจะเข้าไปจับตลาดนักสะสมของโบราณระดับโลก หรือ Sport Moment NFT ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากการสร้างการเติบโตทางธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนทางการเงินด้วย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure Fund เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน หรือดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 10 ล้านบาทต่อปี และมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 3 เท่า รวมถึงเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ DTRS
โดยการจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้นั้น บริษัทฯ มองว่าจะต้องมีลูกค้าในส่วนของ DTRS ที่ระดับ 150,000-200,000 Subscribers ก่อนถึงจะคุ้มค่า ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหาลูกค้าเพิ่มแตะ 155,636 Subscribers ในปี 66 จากสิ้นปีนี้คาดอยู่ที่ 115,636 Subscribers