ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ 1.3 หมื่นลบ.ของดีแทค ไตรเน็ตที่ AA แนวโน้มลบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 1, 2022 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ในวงเงินไม่เกิน 1.3 หมื่นล้านบาทที่ระดับ "AA" โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมเดิม รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัททั้งหมดยังคงอยู่ภายใต้ "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ"

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการเป็นบริษัทย่อยหลักของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ "AA" และอยู่ภายใต้ "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ") โดย DTAC เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัท และบริษัทยังมีส่วนสำคัญในการสร้างผลกำไรให้แก่ DTAC เกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทจึงเท่ากับอันดับเครดิตของ DTAC ตาม "เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ" ของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งได้ประกาศ "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" สำหรับอันดับเครดิตทั้งหมดของ DTAC และบริษัทเมื่อไม่นานมานี้ สืบเนื่องมาจากความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE

อันดับเครดิตองค์กร "AA" ของ DTAC สะท้อนถึงสถานะในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศที่มีคลื่นความถี่ (Spectrum) เพียงพอในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครบทุกย่านความถี่ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสถานะสภาพคล่องที่เข้มแข็งของ DTAC รวมทั้งยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่า DTAC จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่ คือ Telenor ASA (Telenor) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวก็มีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนการลงทุนจำนวนมาก

นอกจากนี้อันดับเครดิตองค์กรของ DTAC ยังสะท้อนถึงอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Stand-alone Credit Profile) ที่ "aa-" ซึ่งสะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งที่ว่าบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ Telenor และความคาดหวังว่า Telenor จะให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นกรณีพิเศษในยามที่จำเป็น ทริสเรทติ้งมองว่า Telenor จะให้การสนับสนุนบริษัทในระดับเดียวกันกับการสนับสนุน DTAC เนื่องจากการดำเนินงานและทรัพย์สินหลักรวมถึงใบอนุญาตคลื่นความถี่อยู่ที่บริษัท ทริสเรทติ้งคาดหวังว่า Telenor จะให้การสนับสนุน DTAC และบริษัทในระดับเดิมจนกว่าการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จ

ทริสเรทติ้งคาดการณ์โดยพิจารณาจากธุรกิจในปัจจุบันของบริษัทว่า รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 1% ต่อปี โดยจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่แข็งแกร่งราว 2.2-2.3 หมื่นล้านบาทต่อปีได้ในช่วงปี 2565-2567 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะทยอยลดลงมาอยู่ที่ 5 เท่าภายในปี 2567 จากระดับประมาณ 6 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2565 นอกจากนี้ทริสเรทติ้งมองว่าสถานะสภาพคล่องของบริษัทจะเพียงพอจากการได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่

แนวโน้มเครดิตพินิจ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งประกาศ "เครดิตพินิจ" สำหรับอันดับเครดิตทั้งหมดที่กำหนดให้แก่ DTAC และบริษัท สืบเนื่องมาจากการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ TRUE มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เมื่อการควบรวมกิจการได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะกลายเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม (NEWCO) ส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทจะเท่ากับอันดับเครดิตของ NEWCO โดยแนวโน้มเครดิตพินิจ "Negative" หรือ "ลบ" นั้นสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่ว่า สถานะทางเครดิตของ NEWCO จะด้อยกว่า DTAC

ทริสเรทติ้งมองว่า NEWCO จะมีธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับธุรกิจของ DTAC หรือ TRUE เพียงบริษัทเดียว แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าสถานะทางการเงินของ NEWCO จะอ่อนด้อยกว่า DTAC ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของ NEWCO จะอยู่ที่ระดับ 5-5.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าของ DTAC ที่ระดับ 3.8 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2565 นอกจากนี้ อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของ DTAC คาดว่าจะไม่สามารถนำมาใช้ได้สำหรับ NEWCO และจากการคาดว่า Telenor จะมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่เพียง 27% ซึ่งหมายถึง Telenor จะไม่มีอำนาจควบคุมใน NEWCO ดังนั้น NEWCO จึงไม่มีสถานะการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ Telenor

ทริสเรทติ้งมองว่ามีความท้าทายในการได้รับอนุมัติให้ควบรวมกิจการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจะยกเลิกเครดิตพินิจเมื่อการรวมกิจการเสร็จสิ้นและได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบจากการรวมกิจการต่ออันดับเครดิตของบริษัทอย่างถี่ถ้วนแล้ว โดยทริสเรทติ้งจะติดตามความคืบหน้าของการรวมกิจการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและพิจารณาอันดับเครดิตอย่างเหมาะสม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ