บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยสำหรับสัปดาห์ถัดไป (6-10 มิ.ย.) มีแนวรับที่ 1,630 และ 1,615 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,665 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 8 มิ.ย. สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลนำเข้า-ส่งออกเดือนเม.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB จีดีพีไตรมาส 1/65 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ค. อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค-ผู้ผลิต ข้อมูลนำเข้า-ส่งออก
โดยในรอบสัปดาห์นี้ (30 พ.ค. - 2 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังดัชนีราคา PCE เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ซึ่งช่วยคลายความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ บางส่วน ประกอบกับมีแรงซื้อต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังอียูมีมติระงับการนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่จากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี SET Index ย่อตัวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางหุ้นต่างประเทศ โดยเผชิญแรงขายทำกำไรออกมา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี (2 มิ.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,647.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.54% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 73,295.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.35% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.33% มาปิดที่ 631.46 จุด