นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจประมูลรถยนต์รายใหญ่ของประเทศ และเป็นบริษัทในเครือบมจ.เอ็ม บี เค (MBK) เปิดเผยว่า ปัจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนการตลาดอยู่ในอันดับ 2 ของประเทศ นอกจากจะมีการประมูลในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์แล้ว ยังมีการประมูลแบบ Apple E-bidding ที่เป็นการฝากราคา และการให้บริการลูกค้าที่ต้องการฝากขายรถในช่องทาง Apple Auto Trade ที่ตอบสนองความหลากหลายของลูกค้าได้อย่างดี และหลังจากบริษัทย้ายสำนักงานใหญ่มาที่บริเวณถนนติวานนท์ จังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ถือเป็นลานประมูลที่ใหญ่ทันสมัยโอ่โถงที่สุด มีระบบประมูลแบบ E-Auction ที่ล้ำสมัย พื้นที่จัดเก็บสต็อกและลานประมูลมากกว่า 25 แห่ง ทั่วประเทศ สามารถตอบสนองลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงินทุกแห่งในฐานะผู้ขาย และกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์ที่เป็นผู้ประกอบการรถยนต์มือสองทุกรูปแบบ
โดยเป็นฐานลูกค้าสำคัญในการทำให้การซื้อ-ขาย รวมถึงลูกค้ารายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดาด้วย และด้วยความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทำให้คาดว่าปี 65 บริษัทคาดว่าจะสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท และในอนาคตบริษัทยังศึกษาแนวทางจัดประมูลสินค้าอื่นๆ นอกเหนือจากรถยนต์ เพื่อนำพาบริษัทขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจการประมูลต่อไปอีกด้วย
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 64 ที่ผ่านว่า แม้ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดโดยตรง แต่ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลง เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 64 ลดลง 4% แต่ในช่วงไตรมาส 1/65 ยอดขายกลับมาเติบโตขึ้น 10%
ส่วนธุรกิจรถยนต์มือสองที่มีมูลค่าตลาดปีละ 8-9 หมื่นล้านบาท ที่มีการเติบโตอย่างคึกคักเช่นกันโดยคาดว่าเติบโต 10-15% และแนวโน้มยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ในส่วนของธุรกิจประมูลรถยนต์ ซึ่งถือเป็น Supply ใหญ่ที่สุดของตลาดรถยนต์มือสอง เริ่มมีรถยนต์เพิ่มขึ้นจากครึ่งหลังของปี 64 ที่ยอดรถยนต์เข้าลานประมูลลดลงมาตลอด แต่ในช่วงไตรมาส 1/65 มีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าตลาดรถยนต์ที่ผ่านการประมูลมีประมาณ 65,000 คัน และคาดว่าในปี 65 จะเติบโตจากปี 64 ราว 10-15%
สำหรับสภาพการแข่งขันในธุรกิจประมูลรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันในตลาดมีประมาณ 7-8 แห่ง ที่ทำการประมูลรถยนต์ทั้งในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ การแข่งขันยังถือว่าไม่รุนแรง เพราะแต่ละแห่งจะมีฐานลูกค้ารถยนต์ประมูลที่แตกต่างกัน โดยในช่วงโควิด ทุกลานประมูลได้ปรับให้มีระบบการประมูลแบบออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้ประมูลที่ไม่ต้องการเดินทาง โดยสัดส่วนการประมูลออนไลน์จากอดีตที่มีสัดส่วน 25-30% เพิ่มเป็น 75-80% และในช่วงที่จำกัดการเดินทางและการรวมตัวของลูกค้า มีการประมูลออนไลน์ถึง 100%