นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 จะเห็นการเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/65 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจ Commerce ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยอดขายดีขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง และกำลังซื้อในประเทศกลับมาดีขึ้น
อีกทั้งการที่คนเริ่มกลับมาทำงานในที่ทำงานมากขึ้น ทำให้ทีมเทเลเซลล์ของบริษัทสามารถกลับมาทำงานได้เต็มที่มากขึ้น และบริษัทจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/65 ในทุกไลน์สินค้า ทั้งแบรนด์ well u, vitanature+, CAMU C และ lifemate ซึ่งจะเสริมเข้ามาช่วยประตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 2/65
ขณะเดียวกันหลังจากที่บริษัทสำเร็จการเข้าซื้อธุรกิจขายตรง ULife จากยูนิลีเวอร์ในเดือนเม.ย. 65 ทำให้เริ่มมีการรับรู้รายได้และผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนพ.ค. 65 เป็นปัจจัยที่เข้ามาหนุนยอดขายในช่วงไตรมาส 2/65 และช่วยผลักดันการเติบโตขึ้นของภาพรวม โดยบริษัทวางเป้าหมายผลักดัน Ulife ขึ้นเป็น Top 5 ของธุรกิจขายตรงในประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า และจะนำเข้าตลาดหุ้นด้วย
ด้านธุรกิจบริหารจัดการลิขสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 2/65 ยังคงทำได้ดีมาต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 โดยที่ยังมีรายได้จากค่าโฆษณาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ในปี 65 ตั้งเป้ารายได้ในในธุรกิจบริหารจัดการลิขสิทธิ์อยู่ที่ 200-250 ล้านบาท
ด้านธุรกิจ Entertainment ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการจัดงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ตใหญ่ 3-4 งาน ทำให้คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาเพิ่มเติมจากธุรกิจดังกล่าวหลังจากชะลอไปในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 และบริษัทยังอยู่ระหว่างหาแนวทางผลักดันให้เหรียญ Popcoin เข้าไปซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มกิจกรรมการใช้เหรียญ Popcoin เพื่อทำให้เหรียญ Popcoin เข้าถึงได้ง่ายและเกิดการใช้งานได้จริง
สำหรับอีกแผนงานสำคัญของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง จะนำบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์และบริหารหนี้ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/65 ซึ่ง RS ถือหุ้น 35% ใน เชฎฐ์ เอเชีย คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ราวปลายไตรมาส 2/65 หรือต้นไตรมาส 3/65 เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อระดมทุนมาต่อยอดการเติบโตและเสริมศักยภาพการเข้าซื้อสินทรัพย์ ขณะที่ RS จะได้รับเงินเข้ามาเสริมเป็นกำไรพิเศษ และนำเงินไปคืนหนี้เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน
นอกจากนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายรายในการร่วมมือทางธุรกิจ โดยในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งได้ใช้ไปแล้ว 800-900 ล้านบาท