นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บมจ. แม็คกรุ๊ป (MC) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้นภายหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.และเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เชื่อว่าจะสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นจากการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ส่งผลดีทางอ้อมต่อผลดำเนินงานของบริษัท และเชื่อมั่นว่าผลดำเนินงานในงวดไตรมาส 4 (เม.ย.-มิ.ย.65) จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าทั้งปีกำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตในอัตราเลข 2 หลักและผลการดำเนินงานทั้งปีผลดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
"การที่บริษัทได้วางกลยุทธ์ทำธุรกิจมุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลดำเนินงาน งวดไตรมาส 3 (ม.ค-มี.ค.65) บริษัทมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 65.3% สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ในระดับ 60.7% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NP) อยู่ที่ 14.8% เพิ่มขึ้นจาก 11.9% ในช่วงเดียวกันปีก่อน" นายปิยะ กล่าว
นายปิยะ กล่าวว่า การขยายสาขา Mc Outlet ภายในสถานีการบริการน้ำมันของ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ดำเนินการได้ตามแผน ณ สิ้นเดือน เม.ย.65 เปิดแล้ว 68 สาขา และถึงเดือนมิ.ย.น่าจะเปิดได้ถึง 72 สาขา ล่าสุดบริษัทได้ขยาย Mc Outlet ออกนอกพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน และปรับปรุงสาขาที่เมืองทองธานีให้เป็น Mc Outlet โดยมีพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากจากลูกค้า โดย Mc Outlet คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างยอดขายที่สำคัญให้กับบริษัท
นอกจากนี้ การที่บริษัทเปิดตัวแคมเปญ "MY MC MY WAY ชีวิต?เต็มแม็ค" ชูแนวคิด "Body Positivity" เข้าใจความแตกต่างของรูปร่าง พร้อมสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดได้ในแบบของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแม็คยีนส์ ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด มุ่งมัดใจลูกค้าเดิม พร้อมขยายสู่กลุ่มใหม่มากขึ้นจะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทต่อไปในอนาคตข้างหน้า และจะเป็นแผนธุรกิจต่อเนื่องของบริษัทในงวดปีบัญชี 65/66
ทั้งนี้ ฐานะการเงินของบริษัทล่าสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.65 ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นทั้งหมดเกือบ 2,000 ล้านบาท และการที่บริษัทไม่มีหนี้สินในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็จะไม่ได้รับผลกระทบ และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป