นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า หากรัฐบาลอนุมัติให้ปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองชั่วคราวจาก 4% เป็น 0% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นทันที 4% ซึ่งผู้ผลิตต้องผลักดันต้นทุนดังกล่าวไปไว้ในราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด จึงคาดว่าจะเรียกร้องให้รัฐปรับขึ้นราคาขายอีกอย่างน้อย 3 บาท/ลิตร เชื่อว่าจะไม่กระทบกำไรในปีนี้
"ราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับขึ้นมา ถ้าเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันก็พออยู่ได้ แต่โครงสร้างของต้นทุนเนื่องจากยังไม่มีการปรับลดภาษี ถ้ามีก็ต้องปรับขึ้นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และถ้าลดภาษี 4% อย่างน้อยราคาน้ำมันถั่วเหลืองก็จะสูงขึ้นอีกประมาณลิตรละ 3 บาท"นายเศรษฐสรร กล่าว
ก่อนหน้านี้ สมาคมผู้ผลิตถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าว ซึ่งมีนายเศรษฐสรร เป็นนายกสมาคมฯ ระบุว่าหากรัฐบาลอนุมัติการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง สมาคมฯ ก็จะเสนอให้ปรับเพิ่มเพดานราคาน้ำมันถั่วเหลืองขึ้น 3.20 บาท/ลิตร/ขวด จากราคาปัจจุบันที่ 49.50 บาท/ลิตร/ขวด
นายเศรษฐสรร กล่าวว่า ผลกระทบโดยตรงราคากากถั่วเหลืองที่ผลิตในประเทศจะต้องปรับราคาลงมาแข่งกับกากถั่วเหลืองนำเข้า และจะต้องผลักภาระที่ลดราคาไปเป็นต้นทุนการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองตามระบบการผลิตร่วม(co-products) เนื่องจากมีวัตถุดิบต้นทางเดียวกัน คือ เมล็ดถั่วเหลือง
"ส่วน 4% ที่ลดลงมาก็จะต้องไปอยู่ในต้นทุนของการผลิตถั่วเหลือง ซึ่งกระทบเราในแง่ต้นทุน 4% เลย"นายเศรษฐสรร กล่าว
นายเศรษฐสรร เห็นว่า ในแง่ของต้นทุนการเลี้ยงสัตว์นั้น ไม่น่าจะได้รับผลดีจากการลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองมากนัก เนื่องจากการสัดส่วนการใช้กากถั่วเหลืองในการผลิตอาหารสัตว์คิดเป็นเพียง 20-22% และต้นทุนอาหารสัตว์ที่อยู่ในต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ก็อยู่ในสัดส่วนที่ไม่สูงหนัก แต่ต้นทุนหลักของการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสุกร น่าจะอยู่ที่ราคาลูกหมูมากกว่า
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากราคาตลาด(ราคานำเข้า)กากถั่วเหลืองจะวิ่งอยู่ประมาณ 14-15 บาท/ก.ก.เมื่อลดภาษีลง 4% ก็จะคิดเป็นตัวเงินประมาณ 0.50-0.60 บาท/ก.ก.และเมื่อไปคำนวณอยู่ในอาหารสัตว์ตามสูตรอาหารไม่ว่าจะเป็นในอาหารไก่หรือหมูจะใช้กากถั่วเหลืองเพียง 20-22% ดังนั้น ภาษี 0.60 บาทใน 1 ก.ก.อาหารก็จะมีเงินอยู่ในนั้นแค่ 0.12 บาท
ดังนั้น การเก็บภาษีหรือไม่ไม่ได้ทำให้ต้นทุนเลี้ยงสัตว์เปลี่ยนแปลงไปมาก และโอกาสที่จะมีการปรับลดราคาอาหารสัตว์ลงก็ในอัตราที่ไม่มากเช่นกัน
*ลดภาษีกากถั่วฯไม่กระทบมาร์จิ้น คาดรักษากำไรสุทธิดีเท่าปีก่อน
นายเศรษฐสรร กล่าวว่า สำหรับผลกระทบต่อตัว TVO น่าจะมีไม่มาก โดยเฉพาะในด้านมาร์จิ้น เนื่องจากภาระที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เคยได้เป็นต้นทุนที่ได้รับการชดเชยการขายกากถั่วเหลือง หากหายไป 4% ก็เทียบเท่ากับ 0.60 บาท หรือเป็นเงินประมาณ 468 บาทต่อ 100 ก.ก.ที่จะเข้าไปทบอยู่ในต้นทุนผลิตน้ำมันถั่วเหลือง และส่งผ่านไปที่ราคาจำหน่ายที่ต้องปรับขึ้นไปชดเชยกันประมาณ 3 บาทต่อลิตร
ปัจจุบันน้ำมันถั่วเหลืองขนาดขวด 1 ลิตร ราคาขายปลีกตามที่กรมการค้าภายในแนะนำอยู่ที่ 49.50 บาท/ลิตร ซึ่งบริษัทจำหน่ายในราคาดังกล่าว
"ราคานำเข้ากากถั่วเหลืองกับราคาขายในประเทศปัจจุบันราคาจะเท่าๆกัน เพราะ 2 ตัวนี้จะต้องแข่งกันอยู่แล้ว อยู่ระหว่าง 15 บาท/กิโลกรัม ส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องมีภาษี 4% ที่เห็นชัดเจนก็คือทำให้ต้นทุนน้ำมันพืชที่จะบริการสู่ผู้บริโภคก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปสูง"นายเศรษฐสรร กล่าว
อนึ่ง บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีปริมาณขายกากถั่วเหลืองที่ 6-7 แสนตัน
นายเศรษฐสรร กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ด้านรายได้รวมปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโตขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และยังสามารถทำกำไรในเกณฑ์ที่ดีใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.26 พันล้านบาท เนื่องจากทีมงานด้านการตลาดมีความชำนาญ และที่สำคัญบริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนวัตถุดิบได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรสุทธิปีที่แล้วเติบโตก้าวกระโดด ไม่ใช่มาจากตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง เพราะการปรับราคาขายเพิ่งมาดำเนินการได้ในช่วงท้ายของเดือนธ.ค.50
"ผลประกอบการของปี 50 ถ้าตัดกำไรจากการซื้อวัตถุดิบได้ต่ำกว่าราคาตลาดออก กำไรของเราก็เป็นปกติไม่ได้มีการก้าวกระโดดเป็นเรื่องของความสามารถของทีมงานที่วิเคราะห์และ take position ตัววัตถุดิบ ซึ่งทำได้ถูกต้องกับแนวโน้มของตลาดก็เป็นส่วนช่วยให้กำไรเติบโตดี"
อนึ่ง ในปี 50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,256.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 785.03 ล้านบาท หรือ 166% เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการในปี 49 ที่มีผลกำไรสุทธิ 471.36 ล้านบาท
"ในแง่ของอัตราการเติบโตถ้าเทียบกับปีที่แล้วถ้าดูตัวรวมใกล้เคียงกัน แต่ถ้าดูอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ก็คงจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วหรือดีกว่านิดหน่อย โดยปีที่แล้วอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13% ปีนี้ก็จะรักษาระดับนี้ได้"นายเศรษฐสรร กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--