นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า บริษัทรุกเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศตามแผนกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท โดยล่าสุดได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการโลจิสติกส์เซ็นเตอร์ให้บริการคลังสินค้าสมัยใหม่ที่ประเทศอินโดนีเซียจำนวน 2 บริษัท ซึ่งครอบคลุมทั้งสิ้น 3 โครงการสำคัญ ตั้งอยู่ในเมืองคาราวัง เมืองมากัซซาร์ และ เมืองบันจาร์มาซิน สร้างการเติบโตให้พอร์ตโฟลิโอในต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 150,000 ตารางเมตร ทำให้ภาพรวมพอร์ตอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานของบริษัทฯในปัจจุบันโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.25 ล้านตารางเมตร
การเพิ่มการลงทุนในครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก FPT เข้าซื้อหุ้นของโครงการที่เมืองคาราวังเพิ่มเติม 50% ทำให้ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยสัดส่วนการลงทุน 75% พร้อมด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ร่วมมือกันมายาวนาน บริษัท มิตซุย แอนด์ โค จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 25% และการลงทุนในส่วนที่สอง FPT ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของโครงการคลังสินค้าที่เมืองมากัซซาร์และ เมืองบันจาร์มาซินจากผู้ร่วมทุนเดิมจำนวน 66.7% ทำให้ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของโครงการทั้งสองแห่ง
บริษัทมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง โดยการขยายพอร์ตอสังหาฯครบวงจรไปยังต่างประเทศของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จะช่วยให้บริษัทฯสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความมั่นคงให้แก่บริษัทฯ ด้วยกระแสรายได้จากค่าเช่าที่สม่ำเสมอจากกลุ่มลูกค้าแบรนด์ชั้นนำ
หลังการเข้าซื้อหุ้นเสร็จสิ้น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FPIT จะรับหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการโครงการทั้งหมด รวมถึงรับผิดชอบงานด้านการขายและการบริการลูกค้า โดยที่ผ่านมา FPIT เป็นบริษัทชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งด้านอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอาเซียน ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพ และฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก
นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งไมล์สโตนสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเริ่มเข้าไปดำเนินการพัฒนาและให้บริการอย่างเต็มที่แก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ ด้วยพื้นที่อุตสาหกรรมและคลังสินค้าพร้อมโซลูชั่นครบวงจร โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Frasers Property จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าถึงคุณภาพและมาตรฐานที่เป็นสากลไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศใด
โดยปัจจุบันเริ่มมีดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำข้ามชาติ (3PLs) ที่ใช้บริการ FPIT อยู่ในประเทศไทยแสดงความต้องการพื้นที่คลังสินค้า เพื่อรองรับการขยายการดำเนินงานในประเทศอินโดนีเซีย ด้านกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ก็มีแนวโน้มที่จะขยายพื้นที่เช่าเพิ่มหลังธุรกิจอีคอมเมิร์ซบูมต่อเนื่อง
โครงการทั้ง 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองคาราวัง เมืองมากัซซาร์ และ เมืองบันจาร์มาซิน ล้วนเป็นโครงการที่มีความทันสมัย ตอบโจทย์การดำเนินงานของภาคโลจิสติกส์ยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดเก็บและจัดกระจายสินค้า โดยโลจิสติกส์เซ็นเตอร์ในเมืองคาราวัง ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อกับกรุงจาการ์ตา และแวดล้อมไปด้วยนิคมอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง ภายในโครงการมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ามาตรฐานสากลรวมทั้งสิ้น 128,566 ตารางเมตร และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าจำนวนมากที่เข้าใช้บริการ ประกอบด้วยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์, สินค้าอุปโภคบริโภค และ เทคโนโลยี ฯลฯ
นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการหรือ (Built-to-Suit) ให้แก่แบรนด์ FMCG ยักษ์ใหญ่อย่าง ยูนิลีเวอร์ ประกอบด้วย 2 อาคารตั้งอยู่ในเมืองมากัซซาร์และ เมืองบันจาร์มาซิน มีขนาดพื้นที่เช่า 11,358 ตารางเมตร และ ขนาด 9,750 ตารางเมตรตามลำดับ ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของยูนิลีเวอร์ จุดเด่นของคลังสินค้าในเมืองมากัซซาร์ คือทำเลที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของสุลาเวสีใต้ ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของอินโดนีเซียด้วยจำนวนประชากร 1.5 ล้านคน อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับสนามบินที่ใกล้ที่สุดห่างไปเพียง 5 กิโลเมตร สำหรับ คลังสินค้าในเมืองบันจาร์มาซินก็ตั้งอยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมที่สะดวกต่อการขนส่งและกระจายสินค้าผ่านทางท่าเรือและสนามบิน
จากการทำงานใกล้ชิดระหว่าง FPIT และกลุ่มลูกค้า ทำให้เห็นดีมานด์ของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ต้องการอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมที่มีคุณภาพระดับสากล กอปรกับดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าชั้นนำที่มีความต้องการขยายการดำเนินงานไปในประเทศอินโดนีเซีย หลังได้รับอานิสงส์จากภาคธุรกิจ e-Commerce ที่เติบโตสูงขึ้นกว่า 1,300% ในระหว่างปี 58-63 ซึ่งวัดจากมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และเมื่อพิจารณาถึงศักยภาพและแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศอินโดนีเซียที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯจึงได้เตรียมแผนการขยายการลงทุนเพิ่มเติมอีกในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่แพลตฟอร์มอสังหาฯครบวงจรต่อไป