นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บมจ.ปตท. (PTT) และ ประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (INNOBIC) เปิดเผยว่า กลุ่มปตท. โดยบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และบริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด (INNOBIC) ร่วมกับบมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ลงนามความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมกันศึกษาและหาโอกาสทางธุรกิจในธุรกิจวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ภายใต้การร่วมศึกษาข้อมูลตลาดเครื่องมือแพทย์ การออกแบบและพัฒนาการผลิตเครื่องมือแพทย์ การศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดในด้านต่างๆ และศึกษากฎเกณฑ์ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
ทั้งนี้การผนึกกำลังกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองเป็นการต่อยอดภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกัน โดยดึงจุดแข็ง 3 บริษัทขับเคลื่อนธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มการตลาด อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ฯ ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน คาดว่าสินค้าบางตัวจะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 65 โดยจะเริ่มจากการสั่งผลิต (OEM) สินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายก่อน และหลังจากนั้นจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) เพื่อก่อสร้างโรงงานและลงทุนเครื่องจักร ซึ่งคาดว่จะแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 66
ขณะเดียวกันในกรอบ MOU นอกจากจะพัฒนาสินค้าด้วยตัวเองแล้ว ยังจะมีการศึกษาและมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ เพื่อที่จะนำองค์ความรู้ต่างๆ เข้ามาช่วยในการสนับสนุนและเร่งรัดการเติบโตของบริษัทไปพร้อมๆกันด้วย
"ความร่วมมือในครั้งนี้ กลุ่ม ปตท. และ INNOBIC มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมกลุ่ม NEW S Curve และการเป็น MEDICAL Hub ของรัฐบาล ซึ่งอุตสาหกรรมวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ถือเป็น NEW S Curve ที่สำคัญของประเทศไทย โดยทางบริษัทต้องการให้ความร่วมมือนี้ เป็นการสร้างฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของอาเซียนในประทศไทย สามารถสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมไทย ทั้งนี้จะศึกษาเพื่อผลิตสินค้าที่มีความต้องการของตลาดแต่ยังไม่มีนวัตกรรมที่เหมาะสมและยังไม่ได้ผลิตในประเทศในปัจุบัน ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นรากฐานและเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมทางการแพทย์ของไทยต่อไปในอนาคต" นายบุรณิน กล่าว
นายสมเกียรติ เลิดฤทธิ์ฏวดล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์แผนและพัฒนาธุรกิจองค์กร IRPC กล่าวว่า ด้วยทิศทางตลาดเครื่องมือและวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจัยหนุนให้ความต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับช่วงปี 65 ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged society) หรือ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ และอีก 9 ปี ข้างหน้า ในปี 74 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งจะเป็นโอกาสทางการตลาดที่ดี
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ smart material กลุ่ม Specialty Plastic หรือเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ สำหรับผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ทางการแพทย์และสาธารณสุข (medical application) ที่ทาง IRPC ได้มุ่งมั่นพัฒนาอยู่ โดยดาดหวังว่าความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้ จะสามารถประสบผลสำเร็จทางธุรกิจ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และขยายห่วงโซ่อุปทานธุรกิจปีโตรเคมีของ IRPC โดยใช้องค์ความรู้ ประสบการณ์ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของประเทศ ที่ทั้ง 3 บริษัท จะร่วมกันศึกษา พัฒนา และแสวงหาโอกาสในการลงทุนร่วมกันในธุรกิจผลิต และ จำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ทางการแพทย์โดยมุ่งหวังที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงและแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสาธารณสุขของคนไทย พร้อมทั้งสนับสนุนและผลักดันนโยบายของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น Medical Hub อย่างเต็มรูปเบบ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร PJW กล่าวว่า ด้วยนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ในอนาคต จะเป็นส่วนผลักดันให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองเพิ่ม มากขึ้น ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาและหาโอกาสทางธุรกิจ ในธุรกิจวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ระหว่าง IRPC-INNOBIC และ PJW จะเป็นส่วนสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกของประเทศไทย และเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางทางการแพทย์ในอนาคต
"การที่ PJW ได้ผนึกกำลังครั้งสำคัญ โดยเป็นหนึ่งใน Strategic Partner ร่วมกับกลุ่มในเครือ PTT ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับบริษัทฯ เนื่องจากความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการนำจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของทุกบริษัทมาต่อยอดธุรกิจ โดย IRPC มีศักยภาพความแข็งแกร่งในฐานะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และเม็ดพลาสติกชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ INNOBIC มุ่งเน้นดำเนินการลงทุนในธุรกิจยา ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนั้นจึงเชื่อว่าความสำเร็จในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดและพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ สู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง ที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงสุด" นายวิวรรธน์ กล่าว
บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์จะอยู่ที่ 3,000-5,000 ล้านบาท ภายใน 3-5 ปีจากนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้รายได้รวมภายใน 5 ปีข้างหน้าของ PJW แตะที่ระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาท และด้วยผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้คาดว่าอาจเข้ามาหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิของ PJW ใน 5 ปีจากนี้ยืนอยู่ที่เหนือระดับ 20% และ 9% ตามลำดับได้ จากสิ้นปี 64 ที่ระดับ 18.48% และ 5.49% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่ายในปี 66 เป็นต้นไป
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ PJW ในปี 65 ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนของชิป ตลอดจนการล็อกดาวน์ของประเทศจีน ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในจีนลดลง แต่ด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายแล้วในปัจจุบันทำให้คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น รวมถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์น้ำมันเครื่อง นม นมเปรี้ยว ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าทุกธุรกิจจะกลับมามีการเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญในปี 66 นอกจากนี้การ MOU กับ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัยและพัฒนาเปลือกแบตเตอรี่ ระบบหล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่ และระบบหล่อเย็นสำหรับมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยพลาสติกคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของแบตเตอร์รี่ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม (20-40 องศาเซลเซียส) และทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี เข้ามาทดแทนส่วนประกอบของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Vehicle) ในช่วงที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงปลายปี 65 และเชื่อว่าการร่วมมือดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนผลประกอบในอนาคตต่อไป