นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฐิติกร (TK) กล่าวว่า ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางธุรกิจ เปรียบเสมือนทรัพยากรพื้นฐานที่สำคัญขององค์กร และเป็นหนึ่งในกลไกช่วยกำหนดทิศทาง รวมทั้งขับเคลื่อนองค์กรให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ในขณะที่ปัจจุบัน ทุกองค์กรธุรกิจต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 27 พฤษภาคม 2562 และเพิ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ TK มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะนโยบายการกำกับดูแลกิจการ ที่รวมถึงนโยบายการดูแลเรื่องของการใช้ข้อมูลภายในองค์กรมาตลอด
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ปรับขั้นตอนการทำงาน เปลี่ยนระบบเอกสารให้มีการกลั่นกรองและการทบทวนสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลลูกค้าของทุกหน่วยงานในองค์กร รวมทั้งการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากการปรับเปลี่ยนระบบและวิธีการทำงานแล้ว การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องใหม่ ๆ อย่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานทุกคนให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. ที่เพิ่งบังคับใช้ในประเทศ นับเป็นเรื่องที่ TK ให้ความสำคัญที่สุด เพราะการมีระบบที่ดีบวกกับพนักงานที่เข้าใจระบบและวิธีการทำงาน จะช่วยให้ทั้งองค์กรสามารถปรับเปลี่ยนไปได้พร้อม ๆ กันอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาฝึกอบรมพนักงานทุกคนรวม 1,350 คน จาก 75 สาขา 57 จังหวัด ทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบการอบรมในห้องเรียนและการเข้าอบรมผ่านทางออนไลน์
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า นอกจากการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว TK ยังเพิ่มการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้า เพื่อเป็นการขานรับเทรนด์ ?ดาต้าซิเคียวริตี้? ดูแลความปลอดภัยของข้อมูลขั้นสูง รวมไปถึงการสร้างความเข้าใจ พร้อมการสื่อสารที่ชัดเจนกับลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ยังเน้นการคุมเข้มการเข้าถึงและการใช้งานข้อมูลภายในองค์กรตามขอบเขตของกฎหมายและความยินยอมที่ถูกกำหนด
"พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA เป็นเรื่องใหม่ที่ภาครัฐฯ ยังให้เวลาผู้ประกอบการและผู้บริโภค ได้ปรับตัวกันอีก 1 ปี เนื่องจากบางเรื่องยังต้องทำความเข้าใจในการปฏิบัติ หรืออาจจะยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการนำไปใช้งาน อย่างไรก็ดี คาดว่าหลังจากการนำ พ.ร.บ. ดังกล่าวไปใช้งานตลอด 1 ปีจากนี้ ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะสามารถปรับตัวและปฏิบัติได้ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วน" นายประพล กล่าว