นายไทยลักษณ์ ลี้ถาวร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้อาจลดลงต่ำกว่าปี 50 ที่มีกำไร 330 ล้านบาท จากผลกระทบราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 20 บาท /ก.ก.เมื่อปลายปี 50 มาเป็น 32 บาท /ก.ก.
ซึ่งปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทคือผลิตถังเคมีภัณฑ์ที่ใช้เหล็กเป็นวัสดุหลัก และมีบางส่วนที่ใช้สแตนเลสเป็นผลิตภัณฑ์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันเพราะในช่วงต้นเดือนมี.ค.ราคาสแตนเลสได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ล็อกราคาซื้อขายล่วงหน้าไว้ประมาณ 3 เดือน ทำให้บริษัทยังมีต้นทุนเหล็กที่ต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบันบ้าง แต่เมื่อหมดสต็อกนี้แล้วบริษัทก็คงต้องแบกภาระต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบางส่วนก็ต้องผลักภาระให้ลูกค้าด้วยการขายในราคาที่สูงขึ้นด้วย
นายไทยลักษณ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเข้าประมูลงานที่มีการแข่งขันสูงมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตถังเคมีภัณฑ์จากเกาหลีที่เข้ามาประมูลงานโปรเจกต์ขนาดใหญ่ในเมืองไทยและเสนอราคาที่ถูกกว่าเนื่องจากต้นทุนเหล็กของเกาหลีถูกกว่าประเทศไทย ทำให้การแข่งขันในการประมูลงานสูงขึ้น
บริษัทพลาดหลายงานเพราะสู้ราคาไม่ได้ เนื่องจากพยายามรักษาไม่ให้มาร์จินของแต่ละงานไม่ให้ต่ำเกินไป โดยตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 20% ในปีนี้ จากปี 50 ที่อยู่ในระดับ 28% ดังนั้น หากงานใดมีมาร์จินต่ำก็จะไม่เข้าประมูล
"เราพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้ที่ 28% ใกล้เคียงกับปีก่อนแต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากแต่พยายามทำให้ได้โดยงานไหนที่มาร์จินน้อยและการแข่งขันรุนแรงเราก็จะไม่ร่วมประมูลแม้ว่าโครงการนั้นจะมีมูลค่าสูงแต่เมื่อถูกดั้มพ์ราคาจากผู้ประมูลกลุ่มอื่นโดยเฉพาะเกาหลี ถ้าไม่คุ้มเราก็ไม่ทำ"นายไทยลักษณ์ กล่าว
นายไทยลักษณ์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 2.3-2.4 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 1.8 พันล้านบาท และผลประกอบการที่ดีทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น แม้ว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตามภาวะตลาดรวมแต่จากผลประกอบการที่ดีของบริษัทก็เชื่อว่านักลงทุนจะหันกลับมาสนใจหุ้น UEC มากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยจะนำมาขยายโรงงานที่บ้านบึง และมองหาที่ดินที่มาบตาพุดเพิ่มอีก 40 ไร่
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มเพดานการเข้าถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเป็น 49% จาก 39% โดยจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 4 เม.ย.นี้ เนื่องจากมีนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้าซื้อหุ้นของบริษัทเสนอว่าควรเพิ่มเพดานเพื่อเพิ่มโอกาสให้ต่างชาติเข้าลงทุนในหุ้น UEC มากขึ้น จากที่ผ่านมาการไปโรดโชว์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น
แต่ในช่วงระยะสั้นนี้ยังไม่มีแผนที่จะโรดโชว์เพราะมองว่าสถานการณ์ตลาดหุ้น ณ ขณะนี้ไม่เหมาะสมกับการไปโรดโชว์
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--