นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการในปี 65 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากความต้องการใช้งานเรือขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีเหลว (Domestic Trading) มีสัดส่วนรายได้ 48.5% ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานกาณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และ ภาครัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินนโยบายการเปิดประเทศเพื่อที่จะรับนักท่อเงที่ยวต่างชาติเข้ามา เป็นปัจจัยหนุนให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้งานน้ำมันอากาศยาน (Jet-A1) เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นด้วย ปัจจุบันอยู่ที่ระดับราว 4-5% จากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนที่ 0% และหากว่าไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบก็คาดหวังว่าจะกลับมาแต่ที่ระดับใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 20% ส่งผลดีต่อการขนส่งน้ำมันของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีการรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าไปซื้อกิจการ บริษัท ทรูธ มาริไทม์ (TM) จากกลุ่มไทยออยล์ ในปี 64 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้รับเรือ Crew Boat เข้ามาเพิ่มจำนวน 13 ลำ มองว่าจะเข้าเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มธุรกิจ Offshore Support เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการกับลูกค้าได้เพิ่ม
ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้รับคัดเลือกจาก ปตท.สผ. ในการให้บริการเรือ crew boat เพิ่มเติม จำนวน 9 ลำ ภายใต้สัญญาระยะยาว 5 ปี รวมกับที่ให้บริการเดิม จำนวน 4 ลำ รวมทั้งหมดเป็น 13 ลำ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการใช้เรือ Crew Boat ในปีนี้จะเต็ม 100% ตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นไป