บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมอง Overweight ต่อกลุ่มแบงก์ จากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยแต่เสียงแตกทำให้มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จับตาการประชุม กนง.นัดถัดไป (10 ส.ค.) หลัง ธปท.ส่งซิกจ่อขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือน โดยวานนี้ที่ประชุม กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี และได้มีการปรับประมาณการ GDP ปีนี้เป็น 3.3% จากมุมมองเดิมที่ 3.2% และปรับกรอบเงินเฟ้อปีนี้จาก 4.9% เป็น 6.2%
KTBST มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร เพราะมีโอกาสที่ กนง. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้นจากเดิมที่เราคาดไว้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 โดยเราคาดว่าแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดได้เร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2565 ซึ่งจะขึ้นได้ราว 0.25% และจะขึ้นอีกรอบในปี 2566 อีก 1 ครั้งอีก 0.25% เพื่อเป็นการสกัดกั้นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เรามีการประเมินเบื้องต้นว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นทุกๆ 0.25% จะมี upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารราว 3-4% ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นโดยตรง โดยกลุ่มธนาคารเรายังคงให้น้ำหนักเป็น "มากกว่าตลาด" เพราะ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.83x PBV (-1.0SD below 10-yr average PBV)
เลือก KBANK เป็น Top pick ราคาเป้าหมายที่ 190.00 บาท อิง 2022E PBV ที่ 0.90x (-1.00SD below 10-yr average PBV) เพราะเป็นธนาคารที่เน้น digital และยังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้าน digital ต่อเนื่องซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ปี 2022E เป็นต้นไป และสินเชื่อภาคการท่องเที่ยว (สัดส่วนราว 20% ของสินเชื่อรวม) จะทยอยเห็นการฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังปี 65 จากการเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
สำหรับกลุ่ม Finance เรามองเป็นลบเล็กน้อยต่อต้นทุนทางการเงินในระยะยาวที่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ระยะสั้นเราประเมินว่าจะได้รับผลกระทบที่จำกัด โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้พึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากหุ้นกู้ที่มีการ lock อัตราดอกเบี้ย และสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินผ่านการกู้ยืมเงิน หรือออกหุ้นกู้ระยะสั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำได้
ทั้งนี้เราประเมิน downside ต่อกำไรสุทธิปี 2565 ที่ -0.2-0.9% โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ THANI, AEONTS, MTC, KTC และ SAWAD ขณะที่เราประเมินว่า TIDLOR จะได้ผลกระทบจำกัด เนื่องจากหุ้นกู้ชุดใหม่ที่บริษัทจะออกภายใต้ rating ที่ดีขึ้น ซึ่งชดเชยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้, SINGER จากความจำเป็นของเงินกู้ยืมที่น้อยลง ตามฐานทุนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้ง AMANAH จากแหล่งเงินกู้ส่วนใหญ่มาจากบริษัทแม่ (iBank) ที่คิดดอกเบี้ยคงที่ที่ 4.0%
ทั้งนี้เราให้น้ำหนัก "มากกว่าตลาด" และ Top pick เป็น SINGER (ซื้อ/เป้า 60.00 บาท) จากผลการดำเนินงานที่จะขยายตัวทำสถิติใหม่ และเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจขายสินค้า