นายณัฐสิทธิ์ สุรพันธ์ไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีการเงิน บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการทั้งปีจะมีกำไรสุทธิได้อย่างแน่นอน ขณะที่รายได้ทั้งปีจะกลับไปใกล้เคียงกับปี 62 ที่มีรายได้ 781.48 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30% จากปี 64 ที่มีรายได้ 534.39 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 24.23 ล้านบาท โดยจะได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าในประเทศกลับมาใช้บริการทันตกรรม
นอกจากนี้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง และได้เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทมีลูกค้าจากต่างประเทศเป็นสัดส่วนถึง 70% จะเป็นส่วนหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องด้วย
นอกจากนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้มีนโยบายยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม หรือ Dental Hub โดยให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ซึ่งบริษัทก็ได้มีสาขารองรับอยู่ในปัจจุบันด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 15 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาลทันตกรรม 1 แห่ง , ศูนย์ทันตกรรม 1 แห่ง และ 13 คลีนิคย่อย โดยให้บริการ 3 กลุ่มหลักคือ 1.ฝังรากฟันเทียม 2.ทันตกรรมเพื่อความสวยงาม 3.อุดฟัน ถอนฟัน และตรวจฟันทั่วไป
ในปีนี้บริษัทยังตั้งเป้าหมายรายได้จากธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือทำฟันไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท โดยหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง คลีนิค และ ศูนย์ทันตกรรม ต่างๆเริ่มกลับมากฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยหนุนให้การจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆมีการฟื้นตัวตามไปด้วย