นายวิทวัส อัครพงศ์พิศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล (LHK) เปิดเผยว่า บริษัทคาดทิศทางผลประกอบการงวดปี 65/66 (เม.ษ.65-มี.ค.66) จะทรงตัวจากงวดปี 64/65 (เม.ษ.64-มี.ค.65) ที่มีรายได้ 2,790.68 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 211.69 ล้านบาท โดยยังได้รับปัจจัยกดดันจากการขาดแคลนชิ้นส่วน และ เซมิคอนดักเตอร์ หลังจากประเทศจีนใช้นโยบายการปิดเมือง (Lockdown) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงสงครามยูเครนและรัสเซียส่งผลต่อค่าครองชีพ และ อัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ด้านเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยในปี 65 นี้ สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) ยังประมาณการณ์ผลิตไว้ที่ 1.8 ล้านคัน เติบโตจากปีก่อนที่ระดับ 1.6 ล้านคัน โดยบริษัทคาดว่ายังเป็นไปได้ หลังจากที่ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ที่ผ่านมามียอดการผลิตรถยนต์แล้วกว่า 5 แสนคัน
สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลาดส่งออกยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และ การทยอยเปิดเมืองในหลายๆประเทศ ส่งผลบวกต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ค่อนข้างดี ในขณะเดียวกันยังมีการปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยเฉพาะในกลุ่มไมโครเวฟ เตารีด และ พัดลม ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทได้เน้นการจำหน่ายออกไปด้วย
ในส่วนอุตสาหกรรมการก่อสร้างการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐปรับตัวลดลง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูสิ้นสุดโครงการไปในช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้ และ ยังไม่มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติม ขณะที่พื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทุกประภทลดลง โดยราคาวัตถุดิบโดยเฉพาะเหล็กปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากการก่อสร้างอาคารประเภทโรงงานอุตสาหกรรมยังเติบโตได้ถึง 30% ในขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการติดตามโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการเร็วๆนี้ ซึ่งบริษัทมีพันธมิตรที่เป็นผู้รับเหมาอยู่ในโครงการดังกล่าวด้วย หากเริ่มการลงทุนบริษัทก็สามารถที่จะจำหน่ายสินค้าเข้าไปได้เพิ่มเติม
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มยานยนต์ 35% กลุ่มก่อสร้าง 25% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า 21% และกลุ่มอื่นๆ 19%