นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่รอส่งมอบค่อนข้างมาก อีกทั้งบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ประมาณ 4.1 พันล้านบาท ไม่รวมงานติดตั้งสถานีชาร์จรถบัสไฟฟ้าขนาดใหญ่ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาได้รับงานระบบไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม คิดเป็นมูลค่าราว 60 ล้านบาท ซึ่งคาดน่าจะสามารถรับรู้ปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 50% และที่เหลือทยอยต่อเนื่องไปปีถัดไป รวมทั้งธุรกิจยังมีแนวทางประมูลโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรายรับในอนาคต
ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เรามีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ คิดเป็นมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู เฟสที่ 2 มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท, โครงการรื้อระบบโทรคมนาคมของรถไฟฟ้าสายอื่นๆ อีกราว 500-600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการพัฒนาสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) ซึ่งคาดหวังว่าจะได้รับการคัดเลือก เนื่องจากเรามีความเชี่ยวชาญในการวางระบบ
"หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Backlog ในปีนี้ จะทะลุ 1 หมื่นล้านบาท รองรับการเติบโตระยะยาวถึงปี 68 ผลักดันผลงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง"นายจรัญ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการที่บริษัทได้มีความร่วมมือกับ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พัฒนาสถานีชาร์จขนาดใหญ่สำหรับรถบัสไฟฟ้า ใน เบื้องต้นบริษัทได้รับงานวางระบบและติดตั้งที่ชาร์จในส่วนดังกล่าวเข้ามาจำนวน 4 จุด คาดน่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งจะช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้กับบริษัท สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ย้ายหมวดธุรกิจของ JR จากกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม : เทคโนโลยี หมวดธุรกิจเดิม : เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ : ทรัพยากร หมวดธุรกิจใหม่ : พลังงานและสาธารณูปโภค มีผล 14 มิ.ย.65