ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กคลายวิตกสินเชื่อ หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 261.66 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 260 จุดเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการที่รัฐบาลสหรัฐเปิดทางให้บริษัทแฟนนี เม และเฟรดดี้ แมค เข้ามามีบทบาทในตลาดปล่อยกู้จำนองมากขึ้นจะช่วยให้ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อผ่อนคลายลง ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดตื่นตระหนกอย่างมากหลังจากวาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ขาดสภาพคล่องจนต้องขายกิจการให้เจพีมอร์แกน
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 261.66 จุด หรือ 2.16% แตะระดับ 
12,361.32 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 31.09 หรือ 2.39% แตะระดับ 1,329.51 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 48.15 จุด หรือ 2.18% แตะระดับ 2,258.11 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 6.12 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันพุธที่ 5.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 
          สก็อต บราวน์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทเรย์มอนด์ เจมส์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์กล่าวว่า "ข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอนุญาตให้แฟนนี เม และเฟรดดี้ แมค เข้ามาบทบาทในตลาดปล่อยกู้จำนองมากขึ้นทำให้นักลงทุนคลายความตื่นตระหนกจากข่าวแบร์ สเติร์นส์ ดังนั้น จึงมีแรงซื้อเก็งกำไรส่งเข้าหนุนกลุ่มการเงินและหุ้นอีกหลายๆกลุ่ม และช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นกว่า 260 จุด ก่อนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวัน Good Friday (ศุกร์ประเสริฐ)"
          เมื่อวานนี้ บริษัทแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่ให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลนั้น ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐให้อัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 2 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดปล่อยกู้จำนองของสหรัฐ โดยมาตรการนี้ถือเป็นขั้นตอนล่าสุดในการสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดสินเชื่อ และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง 
          สำนักงานกำกับกิจการด้านที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลาง (OFHEO)  ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค แถลงว่า  การที่ทางสำนักงานตัดสินใจผ่อนคลายกฎระเบียบด้านเงินทุนลงนั้น จะส่งผลให้ บริษัททั้ง 2 แห่งนี้สามารถซื้อหรือค้ำประกันสัญญาจำนองได้ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีนี้ โดยกฎระเบียบด้านเงินทุนนี้เคยได้รับการปรับให้เข้มงวดยิ่งขึ้นหลังจากเกิดคดีอื้อฉาวทางบัญชีในปี 2546 และ 2547
          ทั้งนี้ แฟนนี เม และเฟรดดี แมคระบุในแถลงการณ์ร่วมกับ OFHEO ว่า ทางบริษัท ให้สัญญาว่าจะระดมทุนจำนวนมากเพื่อแลกกับการปรับลดปริมาณการกันสำรอง อย่างไรก็ดี  ทั้งสองบริษัทไม่ได้ระบุว่าจะระดมทุนเมื่อใด หรือจะใช้วิธีการใดในการระดมทุน
          สมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตยังคงกดดันรัฐบาลให้ดำเนินมาตรการอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ถึงแม้กระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ดำเนินความพยายามไปมากแล้วในการลดอัตราการยึดบ้านติดจำนองที่เพิ่มสูงขึ้น และคลายความกังวลในตลาด โดยเฟดให้สัญญาว่าจะใช้เม็ดเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์ในการลดความตึงตัวในตลาดสินเชื่อ 
          วิกฤติสินเชื่อส่งผลกระทบต่อตลาดโลกมากขึ้น โดยล่าสุดมีรายงานว่าธนาคารกลางอังกฤษพยายามสยบข่าวลือที่ว่าธนาคาร HBOS ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ที่สุดในอังกฤษ  ประสบปัญหาสภาพคล่องขาดแคลนจนต้องขอกู้เงินฉุกเฉินจากธนาคารกลางอังกฤษ แต่โฆษกของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า "ทางธนาคารกลางไม่มีการประชุม และไม่มีกำหนดจะจัดการประชุมเพื่อหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถาบันแห่งใด"  
          ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 14% หุ้นซิตี้กรุ๊ปทะยานขึ้น 10% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มโลหะปรับตัวผันผวนหลังจากราคาทองคำและน้ำมันร่วงลง โดยหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดีดขึ้น 1.22% หุ้นบาร์ริค โกลด์ ร่วงลง 7.2% และหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง คอร์ป ดิ่งลง 2.75%