นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) กล่าวว่า SGC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 820,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม
SGC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) สัดส่วนการถือหุ้นก่อน IPO 100% และโดยภายหลัง IPO จะมีสัดส่วนการถือหุ้น 74.92%
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ SGC จะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโต และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านผลการดำเนินงานของ SGC มีความแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมรายได้ของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 62 - 64) มีรายได้รวมอยู่ที่ 891.52 ล้านบาท 1,362.96 ล้านบาท และ 1,781.82 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 119.36 ล้านบาท 416.58 ล้านบาท และ 593.03 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวดไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 494.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.43 ล้านบาท หรือ 25.79% จากไตรมาส 1/64 มีรายได้รวม 393.37 ล้านบาท กำไรสุทธิ 155.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.22 ล้านบาท หรือ 31.46% จากไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิ 118.32 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นแตะระดับ 31.46% จากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับ และความสำเร็จในการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ รวมทั้ง พอร์ตสินเชื่อรถทำเงินที่เริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ณ สิ้น ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 97.42% ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51.99% รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 45.26% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และสินเชื่อผ่อนทองออนไลน์ นอกจากนี้ เป็นรายได้อื่นๆ
โดยงวดไตรมาส 1 ปีนี้ SGC มีจำนวนสัญญาของสินเชื่อทุกประเภทรวมกันเป็นจำนวนกว่า 294,775 สัญญา คิดเป็นจำนวนลูกค้ากว่า 255,655 ราย และมีพอร์ตสินเชื่อรวมกว่า 12,350 ล้านบาท
น.ส.บุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ SGC เปิดเผยว่า SGC พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของ SGC ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อและสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ที่มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการสร้างความเติบโต วางกลยุทธ์การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมด้วยการขยายเครือข่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาใช้เสริมทัพการทำงาน ทำให้ SGC มีพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่เงินระดมทุนจะสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจด้วยต้นทุนดอกเบี้ยในระดับต่ำ มุ่งเน้นการควบคุมหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) อย่างมีคุณภาพ สนับสนุนความสามารถการทำกำไรของ SGC สร้างโอกาสการเติบโตไปพร้อมกับการครองใจลูกค้าทั่วประเทศ
ทั้งนี้ SGC คือผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำในกลุ่ม SINGER ประกอบด้วย (1) สินเชื่อเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวเรือน (Home Appliances) เครื่องใช้ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (Commercial Appliances) และ เครื่องจักร (Captive Finance) (2) สินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (รถบรรทุก รถยนต์นั่ง ส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์) ภายใต้แบรนด์ "รถทำเงิน" (3) สินเชื่อสวัสดิการพนักงาน (Debt Consolidation) และ (4) สินเชื่อผ่อนทอง (Click2Gold)
ตลอดจนมีเครือข่ายการขายครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย ณ มีนาคม 2565 SGC มีพนักงานขายที่เป็นมืออาชีพของบริษัทฯ 251 ราย เครือข่ายดีลเลอร์ (Dealer) ตัวแทน (Agent) จำนวน 1,556 ราย และผ่านเครือข่ายสาขาของบริษัทในเครือที่มีอยู่กว่า 4,798 สาขา