โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
บัวหลวง ซื้อ 21.50
ทิสโก้ ซื้อ 20.00
โนมูระ ซื้อ 20.00
หยวนต้า ซื้อ 18.70
ไทยพาณิชย์ ซื้อ 18.50
ยูโอบีเคย์เฮียน ซื้อ 18.40
เคทีบีเอสที ซื้อ 17.80
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังคงให้คำแนะนำซื้อหุ้น GFPT ราคาเหมาะสมที่ 18.40 บาท/หุ้น เนื่องจาก GFPT เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ชัดเจนจากการส่งออกและค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ประกอบกับมีตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น อย่างซาอุดิอาระเบียที่กลับมาเปิดสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้งหนึ่ง สร้างโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับ GFPT
รวมถึงในบางประเทศมีปัญหาด้านการส่งออก เช่น ประเทศมาเลเซีย ทำให้ Supply ไก่ตึงตัว หนุนราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาราคาต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เคยกดดันเริ่มอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จึงมองว่าภาพของการส่งออกค่อนข้างสดใส และในปี 65 นี้ยังคงมองเห็นโอกาสในการปรับประมาณการขึ้น
ส่วนบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กรมปศุสัตว์คาดว่าปริมาณการส่งออกไก่ไทยจะเพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 9.4 แสนตัน หรือมูลค่า 1.08 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่า GFPT จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมจากปัจจัยบวกได้แก่ กำลังการผลิตไก่แปรรูปที่เพิ่มขึ้นซึ่งปัจจุบันบริษัทมีไลน์การผลิตครบ 5 ไลน์ รองรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นและยุโรปที่มีความต้องการไก่เพิ่มขึ้นหลัง COVID-19 ผ่อนคลาย
รวมถึงประเทศมาเลเซียประกาศงดส่งออกไก่บางส่วนตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 ปริมาณราว 3.6 ล้านตัว/เดือน ทำให้ Supply ไก่โลกตึงตัว ส่งผลต่อราคาไก่ส่งออกทรงตัวสูงต่อเนื่องได้ และทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกไปประเทศมาเลเซียซึ่งมี Supply ไก่ไม่เพียงพอ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ซึ่ง 1 ใน 3 ของเนื้อไก่ที่สิงคโปร์นำเข้านั้นมาจากมาเลเซีย
นอกจากนี้คาดการส่งออกทางอ้อมเพิ่มขึ้น 30% โดยบริษัทร่วมอย่าง McKey ขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 30% ใน Q4/64 และคาดอีกหนึ่งบริษัทร่วมอย่าง GFN ยอดขายเพิ่มขึ้น 25% หนุนแนวโน้มการส่งออกของ GFPT ปี 65 ที่ 3 หมื่นตัน +30% และปีถัดไปเพิ่มขึ้น 10% จากกำลังการผลิตไก่แปรรูปไลน์ใหม่เต็มปี สำหรับราคาต้นทุนอาหารสัตว์อย่างกากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่ปรับเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่ Q2/65 เป็นต้นไปแต่ปริมาณและราคาขายที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยให้กระทบอัตราทำกำไรไม่มากนัก
พร้อมประเมินกำไร Q2/65 จะดีขึ้น QoQ จากยอดในประเทศเพิ่มขึ้นหลังได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกคาดอยู่ที่ 8 พันตันจาก 7.7 พันตัน QoQ หลังคลายล็อคดาวน์ในหลายประเทศ รวมถึงราคาไก่ทั้งในประเทศและส่งออกปัจจุบันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปรับประมาณการปี 65-66 เพิ่มขึ้นจากเดิมปีละ 10% และ 8% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปี 65-66 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (+616%YoY) และ 1.6 พันล้านบาท (+12%YoY)
ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า GFPT เป็นอีกหุ้นหนึ่งในผู้ได้อานิสงส์จากวิกฤตอาหารโลก แม้แนวโน้มผลการดำเนินงานใน Q2/65 อาจทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อย จากจำนวนวันหยุดในเดือนเม.ย. และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากสงครามที่เกิดขึ้นในช่วง Q1/65 กดดันมาร์จิ้น แต่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วง High Season พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 65 และ 66 ที่ 1.3 พันล้านบาท (+522%YoY) และ 1.5 พันล้านบาท (+11%YoY) โดยผลการดำเนินงานมี Upside หากในช่วงครึ่งปีหลัง มีแรงงานเข้ามาเพิ่มจากการเปิดประเทศ และลดการ Social Distancing ในโรงงาน
โดย Demand ไก่ยังอยู่ในระดับสูง เห็นการสั่งไก่เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากฝั่งยุโรป เนื่องจากยูเครนเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกไก่หลักของยุโรป คิดเป็นประมาณ 15% ของการนำเข้าไก่ของยุโรป ส่งผลให้ทั้งราคาขายและปริมาณการส่งออกกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อโควิด-19 แล้ว ขณะที่ราคาไก่ในประเทศจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป จากความต้องการบริโภคที่มากขึ้นและได้ประโยชน์จากราคาหมูแพง
โดย ภคมณ สายขุนทด/เสาวลักษณ์ อวยพร