นายธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด (KX) บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ที่ดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมในโลก Decentralized Finance (DeFi) และสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบัน ตลาดคริปโทกำลังมีความผันผวนสูงมาก โดยราคาบิทคอยน์ได้ปรับตัวลงกว่า 70% ในระดับต่ำกว่า 20,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 BTC เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 จากระดับราคาสูงสุดที่ 67,500 เหรียญดอลลาร์ต่อ 1 BTC เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 ซึ่งการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องมีการติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทราบถึงมูลค่าการลงทุน และบริหารความเสี่ยงในการลงทุน ทั้งนี้เครื่องมือที่มีในตลาดยังไม่สามารถให้ข้อมูลสำคัญและมีความหมายแก่นักลงทุนได้ เช่น การแสดงต้นทุนการลงทุนของตนเอง การแจ้งเตือนเมื่อมูลค่าสินทรัพย์ในพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลง การดูข้อมูลกำไร-ขาดทุนของพอร์ตรวม และดูแยกเป็นรายสินทรัพย์ เป็นต้น
KX จึงได้พัฒนา Bigfin เครื่องมือวิเคราะห์และดูแลพอร์ตการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมแจ้งเตือนเมื่อมูลค่าพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ใช้งานได้ง่าย เพียงเข้าแพลตฟอร์ม Bigfin ที่เว็บไซต์ https://bigfin.finance และกรอก Wallet Address ของตน ก็จะเห็นการวิเคราะห์การลงทุนทันที โดยจุดเด่นของ Bigfin ได้แก่ Running Balance ดูมูลค่าพอร์ตปัจจุบัน ผลกำไร-ขาดทุนของพอร์ตรวมและดูแยกเป็นรายสินทรัพย์ Transaction History ดูรายการธุรกรรมการเข้าออกของสินทรัพย์ใน Wallet และค่าแก๊ส โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ ชัดเจน เข้าใจง่าย Editing Cost Basis บันทึกต้นทุนการซื้อขายด้วยตนเองได้ เพื่อวิเคราะห์ผลกำไร-ขาดทุนได้แม่นยำขึ้น
ปัจจุบัน แพลตฟอร์ม Bigfin คัดเลือกคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มี Market Capitalization สูงที่สุด 1,000 อันดับแรกบน Ethereum Chain มาแสดง และจะมีการเพิ่มเติมสินทรัพย์จาก Ethereum Chain รวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่าย Blockchain อื่นๆ และศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ Centralized อีกทั้งจะมีการพัฒนาฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบแจ้งเตือนเมื่อมูลค่าพอร์ตเปลี่ยนแปลงไปยังระดับที่กำหนดไว้ การนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมบนบล็อกเชน เป็นต้น
ทั้งนี้ KX เชื่อมั่นว่า Bigfin จะเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์พอร์ตลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีที่ตอบสนองการใช้งานของนักลงทุนได้อย่างตรงจุด ทั้งเรื่องความสะดวกด้วยฟีเจอร์ที่ตรงใจ และการเป็นตัวช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้ใช้งาน Bigfin มากกว่า 200,000 ราย ภายในปี 66