น.ส.มินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เกียรติธนาขนส่ง (KIAT) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงมีสัดส่วนประมาณ 35% ของต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามเพื่อควบคุมต้นทุนในภาพรวมและรักษามาตรฐานการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ KIAT ได้กำหนดแนวทางของมาตรการในการรับมือ พร้อมแผนรับมือกับสถานการณ์ราคาพลังงานที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารการขนส่งและเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาพลังงานและปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบกับเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
"แต่ละเดือน KIAT ใช้น้ำมันในการขนส่งให้บริการลูกค้าประมาณ 400,000-450,000 ลิตร โดยในปี 65 นี้ เรามีเป้าหมายเดินรถด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 3.90 กิโลเมตร/ลิตร และกำลังพยายามปรับให้ดีขึ้นเป็น 4 กิโลเมตร/ลิตร โดยได้มีการปรับการดำเนินงานภายใต้แนวคิดที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและการควบคุมดูแลพนักงานขับขี่ ด้วยการจัดอบรมหลักสูตรขับขี่ที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง การตั้งเป้าหมายในการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมัน พร้อมเสริมแรงจูงใจให้กับพนักงานที่ขับขี่ประหยัดน้ำมัน เช่น การมอบรางวัลหรือสิ่งตอบแทนให้กับพนักงานที่สามารถทำตามเป้าที่บริษัทกำหนดได้ รวมถึงมีการคุมเข้มไม่ให้ติดเครื่องยนต์ระหว่างรอโหลดสินค้า เนื่องจากจะทำให้เปลืองพลังงานเชื้อเพลิงโดยเปล่าประโยชน์ เป็นต้น"
นอกจากนี้ KIAT ยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการการขนส่ง โดยการนำระบบติดตามรถ GPS Real Time เข้ามาใช้ เพื่อควบคุมการเดินรถตามเส้นทางที่กำหนด หรือติดตามรถกรณีรถจอดในที่ผิดปกติและไม่เป็นไปตามจุดจอดที่กำหนด ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมการเดินรถของบริษัทฯ สามารถติดตาม ตรวจสอบ และควบคุมรถทุกคันได้ในทันที เพื่อความปลอดภัยของทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนโดยรวม ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องของการควบคุมการใช้เชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจได้ทันท่วงที
KIAT ยังคงติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ LNG ทดแทน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจ เช่น ความคุ้มค่าในการลงทุน จุดให้บริการสถานีเติมก๊าซ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการศึกษาและติดตามเกี่ยวกับรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาด (EV) ซึ่งหากในอนาคตมีสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ KIAT ก็พร้อมที่จะลงทุน เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการสนองนโยบาย Green Logistics ในการมีส่วนช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้อีกด้วย
น.ส.มินตรา กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาครัฐจะมีมาตรการช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซลและมาตรการอื่น ๆ ที่อาจจะมีออกมาช่วยเหลือในอนาคต แต่เพื่อควบคุมต้นทุนในภาพรวมและเพื่อรักษามาตรฐานการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ KIAT จึงยังเตรียมพร้อมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้พร้อมรับกับสถานการณ์ราคาพลังงานที่ยังคงเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยภายนอกที่นอกเหนือการควบคุม
และ ถึงแม้สัญญาขนส่งที่บริษัทฯ ทำกับคู่สัญญาจะมีสูตรการคำนวณตามราคาน้ำมันที่ผันผวน แต่หากราคาน้ำมันในตลาดมีการปรับสูงขึ้นจากที่ได้มีการตกลงสัญญากัน บริษัทก็จะต้องเป็นผู้แบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะได้ปรับเพิ่มอัตราค่าบริการในเดือนต่อ ๆ ไป KIAT จึงให้ความสำคัญกับเรื่องการดำเนินงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
อนึ่ง ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจของ KIAT ในขณะนี้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่ตั้งไว้ มั่นใจภายในปี 65 จะสามารถเติบโตรวมกว่า 20% ตามเป้าหมาย ทั้งจากธุรกิจหลักในการให้บริการการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษ รวมไปถึงรายได้จากธุรกิจของบริษัทลูกอย่าง บริษัท เคจีพี จำกัด ที่เพิ่งเปิดตัวบริการใหม่ "สิบล้อ ลีสซิ่ง" สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการในสภาวะเศรษฐกิจที่ทุกคนต้องควบคุมต้นทุนและรัดเข็มขัด นอกจากนี้ เคจีพี ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอุปกรณ์ตรวจจับอาการหลับในและเสียสมาธิของพนักงานขับรถ เพื่อติดตั้งในรถขนส่ง ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่ธุรกิจขนส่งหันมาให้ความสนใจ