บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 170 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.33% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System)รองรับการขยายตัวของธุรกิจ, ใช้ในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ ,ใช้ปรับปรุงเครื่องจักร , ใช้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
UBA ดำเนินธุรกิจในการให้บริการจัดการเดินระบบและบำรุงรักษาแบบครบวงจร (Integrated Operation and Maintenance หรือ "IOM") พร้อมทั้งการบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า เพื่อสนับสนุนธุรกิจบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร โดยสามารถให้บริการได้ครอบคลุมใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์การให้บริการ ได้แก่ งานระบบบำบัดน้ำเสีย งานอุโมงค์ระบายน้ำ และงานระบบน้ำประปา
ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการจัดการน้ำเสียเอกชนรายใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร (อ้างอิงตามรายงานประจำปี สำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ ปี 2563) และเป็นบริษัทเอกชนเพียงรายเดียวที่ได้รับให้ดูแลงานอุโมงค์ระบายน้ำให้กับกรุงเทพมหานคร โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการโครงการให้กับกรุงเทพมหานครมาต่อเนื่องแล้ว จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,300 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,400 ล้านบาท
รายได้ของบริษัทจำแนกตามประเภทรายได้ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) รายได้จากบริการ ซึ่งเกิดจากการให้บริการจัดการเดินระบบและบำรุงรักษาแบบครบวงจร (IOM) และการให้บริการงานวิศวกรรม และจัดหาอุปกรณ์ ได้แก่ การออกแบบให้คำปรึกษา การก่อสร้างพื้นที่ในการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ และการจัดซื้อ ติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ และ 2) รายได้จากการขาย ซึ่งเกิดจากการขายสินค้า และ 3) รายได้อื่น เช่น ดอกเบี้ยตามสัญญา ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ และยอดรับคืนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 31 มี.ค.65 ได้แก่ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) ถืออยู่ 60.00% หลังการขาย IPO สัดส่วนถือหุ้นจะอยู่ที่ 43.00% บมจ. สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) ถืออยู่ 40% หลังขายหุ้น IPO สัดส่วนลดเหลือ 28.67%
ในปี 62-64 บริษัทมีรายได้รวม 432 ล้านบาท 532 ล้านบาท และ 533 ล้านบาทตามลำดับ งวด 3 เดือนปี 65 มีรายได้รวม 112 ล้านบาท
กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วงปี 62-64 และงวดสามเดือนแรกปี 65 เท่ากับ 18.30 ล้านบาท 43.43 ล้านบาท 52.35 ล้านบาท และ 13.37 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 4.23% 8.16% 9.82% และ 9.41% ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30.00% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการ และหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายกำหนดในแต่ละปี