นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า บริษัทคาดการว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 1/65 เนื่องจากฐานลูกค้าของธุรกิจขยายตัว โดยในกลุ่มธุรกิจ iCNG และกลุ่มธุรกิจ NGV ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น รวมทั้งธุรกิจในส่วนอื่นๆ เติบโตมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ จากแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปี 64 กว่า 45% อีกทั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG อย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น โดยราคา iCNG และ NGV ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้บริษัทได้รับยอดขายเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคา iCNG และ NGV จะปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังถือเป็นเชื้อเพลิงที่ถูกที่สุดในสถานการณ์วิกฤตน้ำมันขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหันมาใช้ iCNG และ NGV มากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ทำให้บริษัทมีปริมาณการขายเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยคาดการณ์ว่าจะมียอดขาย iCNG เพิ่มขึ้น 30% และ NGV เพิ่มขึ้น 10%
สำหรับธุรกิจ iCNG ดำเนินการภายใต้ บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด ซึ่งปัจจุบันทาง SCN ถือหุ้น 51% และบริษัท Shizuoka Gas ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ปัจจุบันมีปริมาณการขาย iCNG อยู่ที่ประมาณ 3,300 ล้านบีทียูต่อวัน (mmBTU/day)
นายฤทธี กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ บริษัทเตรียมจัดส่งก๊าซให้กับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมอีก 3 ราย จากทั้งหมด 12 ราย นอกจากนี้ยังมีลูกค้าเดิมหลายรายต้องการปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตกลับมาเป็น iCNG โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบระบบเพื่อให้สามารถกลับมาใช้ iCNG ให้เร็วที่สุด และน่าจะได้ความชัดเจนในช่วงเดือน ก.ค.65 นี้
นอกจากนั้น ยังมีลูกค้าอีกหลายรายนัดหมายเข้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานในโรงงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาและข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม จึงทำให้ปี 65 บริษัทคาดการณ์รายได้จากธุรกิจ iCNG จะเติบโตขึ้นกว่า 30%
ในขณะเดียวกัน จากทิศทางของราคาน้ำมันที่ขยับเพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับขนส่งอย่างไม่ลังเล ส่งผลให้พอร์ตธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ของบริษัทเติบโตอย่างเห็นได้ชัดทั้งระบบ ทั้งจากธุรกิจผลิต/ขนส่ง และสถานีให้บริการ NGV โดยรายได้ในธุรกิจนี้เติบโตขึ้นกว่า 11%